แกะแท็คติค อิชิอิ เปลี่ยนโฉม ช้างศึก ทีมชาติไทย ฟอร์มดี เอเชียนคัพ 2023
ชวนวิเคราะห์ ดูปัจจัยอะไรบ้าง ที่ทำให้ เซ็นเซ มาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือคนใหม่ทีมชาติไทย ถึงได้พลิกโฉมช้างศึก ให้กลายเป็นทีมที่เล่นดี ฟอร์มน่ากลัว และขยันวิ่งไล่ทุกพื้นที่ในสนาม จนกระทั่งเปิดสนามเอเชียนคัพ 2023 ด้วยชัยชนะเหนือคีร์กีซสถาน 2-0 จากการเหมาของ ศุภชัย ใจเด็ด
ก่อนเปิดทัวร์นาเมนต์ เอเชียนคัพ 2023 (ที่โยกมาเตะในปี 2024) เชื่อว่าแฟนบอลไทยส่วนใหญ่ไม่ได้คาดหวังอะไรมากกับฟอร์มทีมชาติไทย เพราะจริงๆแล้ว มาซาทาดะ อิชิอิ มีเวลาเตรียมทีมน้อยมากๆ และเพิ่งมีโอกาสอุ่นเครื่องอย่างเป็นทางการ ในเกมที่แพ้ญี่ปุ่น 0-5 ในวันปีใหม่ 2567 นัดเดียวเท่านั้นเอง , อีกทั้ง ทีมชาติไทย ชุดนี้ ไม่มี 3 คีย์แมน อย่าง ชนาธิป สรงกระสินธิ์ ธีรศิลป์ แดงดา และ เอกนิษฐ์ ปัญญา แต่ เมื่อได้เห็นฟอร์ม เห็นรูปแบบการเล่นในเกมที่ ไทยชนะคีร์กีซสถาน ทีมที่มีอันดับโลกดีกว่าไทยได้ ด้วยรูปแบบการเล่นที่ดี รูปแบบการเล่นน่าภาคภูมิใจแทน ทำให้ตอนนี้ แฟนบอลชาวไทยเริ่มมีความหวังแล้ว กับการเห็นทีมชาติไทยทะลุเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายให้ได้อีกครั้ง เหมือนกับเอเชียนคัพ 2019
เพราะเงื่อนไขการเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายของศึกเอเชียนคัพ 2023 คือการได้อันดับ 1 - 2 ของกลุ่ม หรือจะเป็นอันดับ 3 ที่ดีที่สุด 4 จาก 6 กลุ่มก็ได้ , และเมื่อทีมชาติไทยได้ 3 แต้มมาแล้วตั้งแต่นัดแรก ทำให้ ถือว่านี่คือ โอกาสทองของช้างศึกเลย , ในนัดที่ 2 ที่เจอโอมาน และ นัดที่ 3 ที่เจอ ซาอุดีอาระเบีย ในนัดสุดท้ายของรอบแรก , หากทีมชาติไทย เก็บคะแนนได้สัก 2 แต้ม (เสมอทั้งสองนัด) หรือ 1 แต้ม (เสมอ 1 แพ้ 1) ก็น่าจะเพียงพอแล้ว ต่อการเข้ารอบต่อไปได้
ปัจจัยที่ทำให้ทีมชาติไทยฟอร์มดีในเอเชียนคัพ 2023
เชื่อว่า ปัจจัย ที่ทำให้ มาซาทาดะ อิชิอิ สั่งการนักเตะ และวางแทคติกได้อย่างเนียนตา , ต้องสังเกตดู นักเตะ 7 จาก 11 ตัวจริงของไทย นัดเจอคีร์กีซสถาน เป็นผู้เล่นที่ แทคติก อิชิอิ เคยใช้งานมาก่อนแล้ว สมัยคุมสโมสรไทยลีก ได้แก่ ปฏิวัติ คำไหม, พีรดลย์ ฉ่ำรัศมี ตอนคุมสมุทรปราการ และ พรรษา เหมวิบูลย์, สุภโชค สารชาติ, ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา, ศุภชัย ใจเด็ด และ ธีราทร บุญมาทัน ตอนอยู่บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
ในสถานการณ์ที่นักเตะ ทีมชาติไทย ได้เก็บตัวเข้าแคมป์มาน้อยมาก อิชิอิ ไม่มีเวลามากพอในการปรุงแต่งทีมให้รีดศักยภาพให้ออกมามากที่สุด จะทำความรู้จักนักเตะทุกคนแบบเก็บทุกรายละเอียด การเลือกคนที่รู้ใจกันก็เป็นทางลัด ที่จะสร้างกลุ่มนักเตะที่มีทีมเวิร์กขึ้นมาในเวลาอันรวดเร็ว
การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญอีกหนึ่งอย่างของทีมชาติไทย คือการเอา สารัช อยู่เย็น ออกจากตำแหน่งมิดฟิลด์ แล้วใช้ วีระเทพ ป้อมพันธุ์ คู่กับ พีรดลย์ ฉ่ำรัศมีแทน แล้ว วีระเทพ ป้อมพันธุ์ ก็เป็นคีย์แมนที่คุมเกมได้อย่างเนียนตา
ขณะที่ ในแนวรุก ทีมชาติไทย มี 3 ตัวรุก เข้าใจกันมากๆ ศุภชัย ใจเด็ด, ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา, สุภโชค สารชาติ สามคนนี้เล่นด้วยกันที่บุรีรัมย์มาแล้ว ในชุดทริปเปิ้ลแชมป์ ต่างคนต่างรู้ใจ ว่าจะวิ่งอย่างไร เคลื่อนที่แบบไหน
นอกจากนี้ ในเกมที่ ทีมชาติไทย ชนะ คีร์กีซสถานได้ คงต้องยอมรับว่า ทุกคนในสนาม "ความช่วยกันเล่น" เวลาคีร์กีซสถานได้บอล จะเห็นเลยว่า กองกลางยืนขวาง กองหน้าเข้าช่วยบีบ ทุกคนเข้าไปบีบ ทำให้พื้นที่มีความคอมแพ็กต์มากๆ
ทีมชาติ คีร์กีซสถาน ทีมอันดับ 98 ของโลก พื้นที่ตรงกลาง มีมิดฟิลด์ 2 คน พอเจอนักเตะไทยช่วยกันบี้ ช่วยกันรุม ก็เล่นไม่ออก สุดท้ายเสียบอลหมด เจาะทะลวงทีมชาติไทยไม่ได้เลย
ในยุคของมาโน่ โพลกิ้ง แฟนบอลไทยจะไม่เห็นวิธีการเล่นแบบนี้ ซึ่งก็น่าแปลกไม่น้อย เพราะนี่คือเป็นผู้เล่นชุดเดียวกันแท้ๆ บางทีอาจจะอยู่ที่ไอเดีย ของคนเป็นเฮดโค้ช ของคนเป็นกุนซือก็เป็นได้ อยู่ที่ว่า จะ "สั่งการ" แบบใด
และอีกหนึ่งปัจจัย ที่เห็นได้ชัดในเกม เปิดสนามเอเชียนคัพ 2023 นั่นคือ รูปเกมทีมชาติไทย ความหลากหลายในการเข้าทำ มีความวาไรตี้ในการเปิดเกมรุก ทีมชาติไทยนัดนี้ โจมตีหลายรูปแบบจนคู่แข่งงง
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจากผลงานของ อิชิอิ สร้างเอาไว้ ตั้งแต่นัดแรกของเอเชียนคัพ 2023 , เขาคือก้านไม้ขีดที่จุดไฟแห่งความหวังในใจแฟนบอล ให้ลุกโชนได้ ในช่วงเวลาที่ไม่ได้คิดอะไรแล้ว
สถิติอันน่าเหลือเชื่อของทีมชาติไทย นัดเปิดสนามเอเชียนคัพ 2023
• เก็บชัยชนะนัดเปิดสนาม ในศึกฟุตบอลเอเชียนคัพ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ทีมชาติไทย
• เก็บคลีนชีตนัดเปิดสนาม ในศึกฟุตบอลเอเชียนคัพ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ทีมชาติไทย
• ยิงได้ 2 ประตูเป็นอย่างน้อย เป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปีเต็ม ในศึกฟุตบอลเอเชียนคัพ รอบสุดท้าย นับตั้งแต่ที่ชนะ โอมาน 2-0 ในศึกเอเชียนคัพ ปี 2007
ขอบคุณนักเตะทุกคนที่รับใช้ชาติอย่างสุดความสามารถ เต็มกำลัง ตลอด 90 นาทีแรก ในสภาพการเตรียมทีมที่ไม่สมบุรณ์แบบเท่าไรนัก แต่ก็ยังเล่นได้ดีขนาดนี้...นี่คือ รอยยิ้มและความสุขที่สัมผัสได้ของแฟนบอลไทย ในช่วงเวลานี้
Credit Youtube ช้างศึก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
