svasdssvasds

หอดูดาวสุริยคติเก่าแก่ที่สุดในโลกในปรู อายุ 2,300 ปี ถูกจารึกลง UNESCO แล้ว

หอดูดาวสุริยคติเก่าแก่ที่สุดในโลกในปรู อายุ 2,300 ปี ถูกจารึกลง UNESCO แล้ว

Chankillo หอดูดาวสุริยคติที่เก่าแก่ที่สุดในทวีปอเมริกา อายุ 2,300 ปี ที่ถูกสร้างโดยอารยธรรมปริศนา ถูกจารึกลง UNESCO แล้ว แล้วมันคืออะไร? มีที่มาอย่างไรบ้างนะ?

หอดูดาวทางดาราศาสตร์ถือเป็นอารยธรรมอันชาญฉลาดของผู้คนในอดีต โดยเฉพาะชาวอินคาในเปรูที่นับถือดวงอาทิตย์เป็นเทพเจ้าและโดดเด่นด้านศาสตร์ดาราศาสตร์มาเป็นนับพันปี แต่หอดูดาวที่ว่านี้กลับไม่ใช่อารยธรรมของชาวอินคา แต่กลับเป็นอารยธรรมปริศนาที่ไม่มีใครรู้จักเป็นผู้สร้างขึ้นและกลายเป็นหอดูดาวทางดาราศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดในทวีปอเมริกา

เกิดอะไรขึ้น?

การค้นพบนี้มีมานานแล้วแต่เพิ่งถูกเผยแพร่ออกมาอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2021 หลังจากเริ่มขุดค้นซากปรักหักพังปริศนาในช่วงเปลี่ยนผ่านระหว่างศตวรรษที่ 20 ไปยังศตวรรษที่ 21 ข้อมูลการค้นพบเผยว่า แหล่งโบราณคดีแห่งนี้ตั้งอยู่ในทะเลทราย บริเวณชายฝั่งของประเทศเปรู โดยมีหอคอยหิน 13 แห่งตั้งตระหง่านทอดยาวตามเส้นขอบฟ้าของเนินเขาจากเหนือจรดใต้ แม้ว่าจะมีอายุไม่เก่าแก่เท่าสโตนเฮนจ์ แต่ซากปรักหักพพังโบราณเหล่านี้ ถูกรู้จักกันในชื่อ ชานคิลโล (Chakillo) ซึ่งถือเป็นผลงานชิ้นเอกของอัจฉริยะเชิงสร้างสรรค์ของมนุษย์ ในแบบที่ไม่เคยเห็นที่ไหนในโลกมาก่อน

Chankillo กลางทะเลทรายในเปรู หอคอยทั้ง 13 เรียงตัวทอดยาวบนสันเขา สถานที่แห่งนี้สร้างแล้วเสร็จเมื่อ 2,300 ปีก่อนและถูกทิ้งร้างเอาไว้ สิ่งนี้ยังคงเป็นปริศนาสำหรับนักเดินทางมาหลายศตวรรษ หากเทียบกับภูมิประเทศแบบทะเลทรายที่แห้งแล้งในกลางวันแสกๆ โครงสร้างหินบนยอดเขาซึ่งยาวประมาณ 300 เมตร แม้จะดูไม่หวือหวาหรือยาวมากเท่าไหร่ แต่มันจะน่าทึ่งมากในยามรุ่งสางและช่วงพลบค่ำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใช้งานอย่างไรบ้าง?

หอคอย Chankillo ถูกวางไว้อย่างระมัดระวัง หากไปยืนอยู่ที่จุดสังเกตเฉพาะ ด้านล่างสันเขา พวกเขาจะสามารถทำนายเวลาของปีได้ภายใน 2-3 วัน โดยอ้างอิงจากพระอาทิตย์ขึ้นหรือพระอาทิตย์ตก จุดสังเกตคือมองไปทางทิศตะวันตกสู่สันเขา อาจจะอธิบายยากนิดนึง ดังนั้น ขอยกตัวอย่าง วันวิษุวัตในเดือนกันยายน จะรู้ได้ก็ต่อเมื่อดวงอาทิตย์ตกระหว่างหอคอยที่ 6 และหอคอยที่ 7

*(ข้อมูลจาก National Geographic) วิษุวัต เป็นปรากฏการณ์ที่โลกมีช่วงเวลากลางวันยาวนานเท่ากับกลางคืน ปรากฏการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นทุกๆ 6 เดือน โดยครั้งแรกจะเกิดขึ้นในเดือนมีนาคม และครั้งที่สองเกิดขึ้นในเดือนกันยายน

อารยธรรมโบราณที่ออกแบบหอดูดาวสุริยะหรือใช้แสงอาทิตย์นั้นไม่ค่อยมีใครรู้จัก หากพูดถึงดาราศาสตร์หลายคนจะนึกถึงอินคาหรือมายันเป็นหลัก แต่อารยธรรมปริศนานี้ก็ยังคงไม่มีใครทราบว่าเป็นอารยธรรมใดแน่ชัด แต่ถือว่าเป็นอารยธรรมที่เก่าแก่ที่สุดในทวีปอเมริกา

แต่ก็มีทฤษฎีการคาดเดาอารยธรรมไว้บ้างของนักค้นคว้า เนื่องจากซากปรักหักพัง Chankillo เกิดจากอารยธรรมที่อยู่ในทะเลทรายริมชายฝั่งระหว่างแม่น้ำ Casma ของเปรูและแม่น้ำ Sechin จึงเป็นที่รู้จักกันในชื่อวัฒนธรรม Casma-Sechin

เช่นเดียวกับชาวอินคา อารยธรรมนี้น่าจะถือว่าดวงอาทิตย์เป็นเทพอะไรสักอย่าง เนื่องจากบันไดที่นำไปสู่หอคอยแต่ละแห่งดูเหมือนมีการผ่านพิธีกรรมอะไรบางอย่างมา หรือเคยใช้ทำพิธีกรรม

จากการขุดค้นทางโบราณคดี หอดูดาว Chankillo แห่งนี้น่าจะสร้างขึ้นในช่วงปีระหว่า 500-200 ปีก่อนคริสตศักราชด้วยเหตุผลบางอย่าง พื้นที่ดังกล่าวถูกทิ้งร้างและหอคอยก็ทรุดโทรมลงเหลือเพียงซากปรักหักพัง นักโบราณคดีกว่าวว่า ในยุครุ่งเรือง โครงสร้างของหอคอยจะถูกฉาบด้วยสีเหลืองหรือสีขาว และทาสีด้วยกราฟฟิตี้หรือรอยนิ้วมือ

แม้ว่าลวดลายหรือความสวยงามดังกล่าวจะพังทลายลงไปแล้ว แต่ซากของหอคอยหินเหล่านี้ยังคงบันทึกวันต่างๆของปีไว้อย่างซื่อสัตย์ และคณะผู้ค้นพบพยายามอย่างมากในการอนุรักษ์หอคอยดังกล่าวเพื่อรักษาความถูกต้องของปฏิทินโบราณนี้ไว้

ได้จารึกลง UNESCO อย่างเป็นทางการ

ในปี 2021 Chankillo Archaeoastronomocal Complex ได้เข้าร่วมรายการมรดกโลกของ UNESCO อย่างเป็นทางการแล้วสำหรับงานฝีมือที่โดดเด่นและความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับโลกทัศน์ของสังคมโบราณ

“ความพิเศษของมันไม่เหมือนกับสถาปัตยกรรมทางดาราศาสตร์ทั่วๆไปเหใอนในโบราณสถานหลายแห่งทั่วโลก แนวของหอคอยนี้ครอบคลุมแม้กระทั่งส่วนโค้งของดวงอาทิตย์ขึ้นและตกประจำปี และมีจุดให้สังเกตที่แตกต่างกัน 2 จุด ซึ่งจุดหนึ่งยังคงมองเห็นได้อย่างแจ่มชัดบนพื้นดิน” ยูเนสโกอธิบาย

เกร็ดความรู้เรื่องวัฒนธรรม Casma-Sechin

วัฒนธรรมคาสมา-เซชิน เป็นวัฒนธรรมเก่าแก่ของเปรู มีหลักฐานหลงเหลือคือซากปรักหักพังของหอดูดาวที่กล่าวไปข้างต้น และแหล่งโบราณคดีอื่นๆ เช่น Sechin Bajo, Sechin Alto, Cerro Sechin, Mojeque (Pampa de las Llamas-Moxeke), Chankilloและ Taukachi-Konkan ซึ่งที่ตั้งของวัฒนธรรมดังกล่าวอยู่ระหว่างบริเวณหุบเขาของแม่น้ำ Casma และแม่น้ำ Sechin ตามแนวชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก

วัฒนธรรมคาวมา-เซชิน มีอายุราวๆในช่วง 3600-200 ปีก่อนคริสตศักราช เป็นอารยธรรมและวัฒนธรรมที่เก่าแก่ที่สุดในทวีปอเมริกาในขณะนี้ เก่าแก่กว่าอารยธรรมอินคาไปหลายปีเลยทีเดียว

คาดว่าสมัยยุครุ่งเรืองของอารยธรรม มีประชากรอาศัยอยู่ราวๆ 14,000-23,000 คน อาชีพส่วนใหญ่เน้นไปที่เกษตรกรรม ล่าสัตว์และประมง

CASMA / Google Earth เกี่ยวกับ Chankillo

Chankillo เป็นหนึ่งในซากปรักหักพังในยุคของ Early Horizon ในช่วง 350 ปีก่อนคริสตศักราช เป็นหอดูดาวและอาคารประกอบพิธีกรรม มีหอคอยทั้งหมด 13 แห่ง และจะมีผู้เฝ้าสังเกตการณ์คอยสังเกตดวงอาทิตย์ขึ้นและตกเพื่อกำหนดวันและเวลา

ในความเป็นจริงซากปรักหักพังนี้ถูกพบมานานแล้ว แต่ยังอยู่ในขั้นตอนการวิเคราะห์ ศึกษาเรื่องราวในอดีต และข้อมูลทางด้านโบราณคดีต่างๆ จนมาถึงปี 2021  UNESCO ก็ได้จารึกว่า Chankillo เป็นโบราณสถานทางดาราศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดในทวีปอเมริกา

หากอยากศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม ศึกษาต่อได้ที่

วัฒนธรรมคาสมา–เซชิน

Chankillo

ที่มาข้อมูล

https://www.sciencealert.com/the-oldest-known-astronomical-observatory-in-the-americas-long-predates-the-incas

https://ngthai.com/science/19798/what-is-an-equinox/

https://hmong.in.th/wiki/Casma/Sechin_culture

related