svasdssvasds

สปีชีส์เสี่ยงใกล้สูญพันธุ์ ทำไมสัตว์ใกล้สูญพันธุ์จึงมีความสำคัญ?

สปีชีส์เสี่ยงใกล้สูญพันธุ์ ทำไมสัตว์ใกล้สูญพันธุ์จึงมีความสำคัญ?

อัพเดตสปีชีส์สัตว์เสี่ยงใกล้สูญพันธุ์จาก IUCN มีสปีชีส์ไหนบ้างกำลังเสี่ยงหายไปจากโลกใบนี้ แล้วการสูญพันธุ์ของพวกมันสำคัญต่อการดำรงชีวิตมนุษย์อย่างไร?

ถ้าหากว่าวันหนึ่ง ภาพวาดวิวทิวทัศน์ของธรรมชาติ ไม่มีโมเดลของจริงให้วาดอีกต่อไปล่ะ โลกจะเป็นอย่างไร แน่นอนว่า ‘เลวร้ายลงทันที’ แต่จะเลวร้ายในแง่ไหน ด้านใดนั้นผู้เขียนเองก็ไม่อาจรู้ได้ หลายคนมักตั้งคำถามเวลาเห็นข่าวหรือข้อมูลข่าวสาร เช่น สัตว์ตัวนั้นเสี่ยงสูญพันธุ์ สัตว์ตัวนั้นคือตัวสุดท้ายของพื้นที่ เรามักตั้งคำถามว่าทำไมมนุษย์เราต้องรับรู้เรื่องของพวกมันด้วย แล้วถ้าพวกมันหายไปเกี่ยวข้องอย่างไรกับเรา? สำคัญยังไง?

ใช่ มันอาจจะไม่สลักสำคัญอะไรกับกิจวัตรของมนุษย์มากนัก แต่อย่าลืมไปเสียล่ะว่า ในอดีต กว่ามนุษย์จะหล่อหลอมชีวิตให้มาเป็นสังคมขนาดใหญ่เท่าวันนี้ ก็สัตว์เหล่านั้นแหละเป็นผู้หล่อหลอมเรามา พวกมันอาจจะไม่สำคัญสำหรับเราแล้ว หรือพูดง่ายๆว่า ‘หมดประโยชน์’ แต่หน้าที่สำคัญอันยิ่งใหญ่ของการมีสายพันธุ์สัตว์เหล่านี้อยู่คือ การคงไว้ซึ่งความสมบูรณ์ทางธรรมชาติ

อย่าปฏิเสธเลย ว่าคุณผู้อ่านหลายคนก็เคยไปเที่ยวภูเขาลำเนาไพร หรือทะเลกว้างสุดลูกหูลูกตา และเมื่อคุณเห็นธรรมชาติเหล่านั้น คุณปฏิเสธได้ไหมว่าคุณไม่ชอบมัน ธรรมชาติสำหรับคนส่วนใหญ่ล้วนเป็นเหมือน Safe Zone ในการเยียวยาจิตใจและร่างกายที่เหนื่อยล้าจากการใช้ชีวิตที่วุ่นวาย คุณชอบดูวิวป่าไหม คุณชอบอากาศบริสุทธิ์ของป่าไหม หรือคุณชอบแสงแดดจากทะเลหรือเปล่า ชอบโลกใต้น้ำหรือไม่ ถ้าคุณหลงรักสิ่งเหล่านี้ เรื่องราวของสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ก็จำเป็นที่คุณจะต้องรู้เรื่องราวของพวกมันเช่นกัน

เว็บไซต์ IUCN Redlist คือหนึ่งในเว็บไซต์ขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการอุรักษ์ธรรมชาติ มีเป้าหมายสำคัญในการบันทึกสร้างความตระหนัก ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์ และรายงานสถานการณ์ของสัตว์เสี่ยงใกล้สูญพันธุ์ หลายปีมานี้ตัวเลขของเว็บไซต์ได้บ่งชี้ว่า มีสัตว์กว่า 40,000 สปีชีส์กำลังถูกคุกคามที่อาจนำไปสู่ความเสี่ยงใกล้สูญพันธุ์ได้ โดยตัวเลขที่จะให้ดูต่อไปนี้เป็นเพียงแค่ 28% ของการสำรวจเท่านั้น นั่นจึงแสดงว่ายังมีสัตว์อีกหลายสปีชีส์ให้ตรวจสอบอีกเยอะว่ามีความเสี่ยงหรือไม่

สปีชีส์เสี่ยงใกล้สูญพันธุ์ ทำไมสัตว์ใกล้สูญพันธุ์จึงมีความสำคัญ? สปีชีส์ที่มีความเสี่ยงใกล้สูญพันธุ์อันดับแรกคือ

  • พืชปรง มีเปอร์เซ็นเสี่ยงอยู่ที่ 63%

พืชปรง เป็นพืชที่มีขนาดคล้ายใบของปาล์ม แต่การเรียงตัวจะคล้ายกับเฟิร์นข้าหลวง เลี่ยงง่าย แต่เติบโตช้า ทนต่อการขาดน้ำ โดยปรงทั่วโลกจะมีอยู่ 3 วงศ์ด้วยกัน คือ Cycadaceae, Stangeriaceae และ Zamiaceae ปรงของไทยส่วนใหญ่อยู่ในวงศ์แรกและมีสกุลเดียวคือ Cycas ที่มีอยู่ทั่วโลกประมาณ 90 ชนิด แต่มีอยู่ในไทยประมาณสิบกว่าชนิด

แต่ปัจจุบันมีความเสี่ยงใกล้สูญพันธุ์เพราะไม่มีการอนุรักษ์แบบจำเพาะ และก่อนหน้านี้หาได้ทั่วไป และอีกปัจจัยหนึ่งอาจเป็นเพราะการเจริญเติบโตที่ช้าจึงอาจทำให้ไม่ค่อยได้รับความสนใจเท่าไหร่นัก

 

  • สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ มีเปอร์เซ็นเสี่ยงอยู่ที่ 41%

สะเทินน้ำสะเทินบกที่รู้จักกกันดี คือ คางคก อึ่ง เขียดหรือปาด เป็นสัตว์เศรษฐกิจให้ใครหลายๆคนมีรายได้จากการเพาะพวกมันขาย แต่ปัจจุบันในธรรมชาติเริ่มหาตัวพวกมันได้ยาก เนื่องจากการรุกรานที่อยู่อาศัยและแหล่งอาหารลดน้อยลง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

...............

  • ฉลามและกระเบน มีเปอร์เซ็นเสี่ยงอยู่ที่ 37%

ฉลามและกระเบนคงไม่ต้องอธิบายคุณลักษณะรูปลักษณ์ของพวกมันมากนัก หลายคนน่าจะรู้จักกันดีอยู่แล้ว เหตุที่พวกมันใกล้สูญพันธุ์ไม่ไม่ต้องสาธยายมาก ก็เดาได้ว่ามาจากเมนูหูฉลามที่ยังคงนิยมในหลายประเทศแถบเอเชีย ที่นิยมน้ำฉลามมาตัดหูและทำเป็นเมนูที่หลากหลายจากความเชื่อที่ว่าเป็นอาหารบำรุงสุขภาพชั้นดี ด้วยวัฒนธรรมการกินลักษณะนี้ทำให้เกิดอุปสงค์ในตลาดเยอะมาก จนมีการล่าฉลามจำนวนหลายแสนตัวใน 1 ปี

  • พืชสน มีเปอร์เซ็นเสี่ยงอยู่ที่ 34%

พืชสน มักเป็นที่นิยมในต่างประเทศสำหรับการทำต้นคริสต์มาส แม้จะมีฟาร์มเพาะโดยตรงแต่ก็ยังไม่เพียงพอต่ออุปสงค์ของตลาดในบางปี รวมไปถึงการนำไม้ของมันมาใช้ทำฟืนและสร้างบ้านในประเทศเขตอบอุ่น ความยากของต้นไม้เหล่านี้คือใช้เวลานานกว่าจะเติบโตขึ้นมาได้ การตัด 1 ต้น ก็ต้องใช้เวลาปลูกทนแทนอีกหลายสิบปี

  • ปะการัง มีเปอร์เซ็นเสี่ยงอยู่ที่ 33%

ปัจจุบัน หลายประเทศทั่วโลกโดยเฉพาะออสเตรเลียที่มี Great Barrier Reef เป็นพื้นที่ปะการังขนาดใหญ่ที่มีการอนุรักษ์เรื่องมาตั้งแต่สภาพความเป็นอยู่ของพวกมันแย่ลง ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ปะการังหลายแห่งเกิดการฟอกขาว ด้านหนึ่งอาจเป็นเพราะปรากฎการณ์แพลงก์ตอนบูมตามธรรมชาติ อุณหภูมิของน้ำทะเลและโลกสูงขึ้นจึงทำให้เกิดการฟอกขาวของปะการังได้ง่าย

อนึ่งในด้านของผลจากการกระทำของมนุษย์คือ พฤติกรรมการท่องเที่ยวที่ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การไปนั่ง ยืน หรือเหยียบบนปะการังขณะดำน้ำก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ปะการังเสียหายได้ ผลกระทบขนาดใหญ่คือกระทบต่อระบบนิเวศใต้น้ำทุกด้าน

  • ครัสเตเชียน (กุ้ง ปู กั้ง) มีเปอร์เซ็นเสี่ยงอยู่ที่ 28%

ครัสเตเชียน (crustaceans) หมายถึงสัตว์น้ำที่มีลักษณะสำคัญคือมีเปลือกหุ้มลำตัวเป็นปล้อง มีหนวด มีขากรรไกร ขาเดิน และขาว่ายน้ำ เมื่อเจริญเติบโตสามารถสลัดเปลือกเดิม สร้างเปลือกใหม่ได้ สัตว์จำพวกนี้คือ กุ้ง กั้ง และปู

แน่นอนว่าสัตว์เหล่านี้ก็เป็นสัตว์เศรษฐกิจของหลายประเทศเช่นกัน แต่ด้วยความต้องการอาหารทะเลมีเพิ่มมากขึ้น สัตว์เหล่านี้ก็ถูกคุกคามมากขึ้น และจากผลกระทบปะการังด้านบน สัตว์เหล่านี้คือหนึ่งในสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว

  • สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม มีเปอร์เซ็นเสี่ยงอยู่ที่  26%

สัตว์เลี้ยงลูกหลายชนิดหลายสายพันธุ์มีความเสี่ยงอันเนื่องมาจากการคุกคามด้านที่อยู่อาศัย การขยายตัวของเมือง และการรุกป่าเพื่อขยายพื้นที่ทำการเกษตร อาทิ เสือ ช้าง ลิงอุรังอุตัง กอริลลาภูเขา แรดชวา และเสือดาวเป็นต้น

สปีชีส์เสี่ยงใกล้สูญพันธุ์ ทำไมสัตว์ใกล้สูญพันธุ์จึงมีความสำคัญ?

  • สัตว์เลื้อยคลาน มีเปอร์เซ็นเสี่ยงอยู่ที่ 21%

สัตว์เลื้อยคลานอาจเป็นสัตว์ที่ใครหลายๆคนไม่ค่อยชื่นชมหรือได้รับความสนใจเท่าสัตว์ขนปุยมากนัก นั่นจึงอาจเป็นเหตุผลให้พวกมันถูกขับไล่อย่างไม่เป็นธรรมออกจากธรรมชาติ และหลายหน่วยงานมองข้ามสวัสดิภาพความเป็นอยู่ของพวกมันไปเยอะพอสมควร

การศึกษาใหม่เผยว่า 1 ใน 5 ของสัตว์เลื้อยคลานทั้งหมดกำลังเผชิญกับความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ โดยเฉพาะจระเข้และเต่าเป็นสัตว์ที่ถูกคุกคามมากที่สุด การศึกษานี้เป็นการศึกษาประเภทสัตว์เลื้อยคลานครั้งแรกโดยมีนักวิทยาศาสตร์ 361 คนใน 24 ประเทศ จาก 6 ทวีปและเวลาอีก 15 ปีกว่าการศึกษานี้จะสมบูรณ์

  • นก มีเปอร์เซ็นเสี่ยงอยู่ที่ 13%

นกส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลหลายด้านทั้งจากการคุกคามที่อยู่อาศัยและสภาพอากาศที่แปรปรวนทำให้นกหลงฤดู และทำใหเกิดการอพยพที่ไม่ตรงตามฤดูกาลของพวกมัน และการหาอาหารก็ไม่เสถียร ทำให้จำนวนของพวกมันลดลงอย่างรวดเร็ว ยิ่งพื้นที่ในธรรมชาติลดน้อยลงเท่าไหร่ ก็บีบให้พื้นที่ทำกินพวกมันน้อยลงเท่านั้น และทำให้พวกมันย้ายมาอยู่ในเมืองซึ่งก็ต้องเผชิญกับอุปสรรคความเป็นเมืองในหลายด้าน

จะเห็นได้ว่า สปีชีส์เหล่านี้ได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากมนุษย์ อาทิ การขยายตัวของเมืองก็เป็นปัญหาหลักจากการรุกรานที่อยู่อาศัยของเหล่าสัตว์แบบโต้งๆ ทำให้พวกมันต้องหนีเข้าไปยังส่วนลึก และเป็นการบีบให้พื้นที่อยู่อาศัยของพวกมันนั้นแคบลง ปัจจัยอีกประการหนึ่งคือสภาพอากาศที่แปรปรวนทำให้สัญชาติญาณของสัตว์หลายชนิดต้องไขว้เขว ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตโดยตรงเป็นสำคัญ

แล้วทำไมเราต้องรู้เรื่องเหล่านี้ การสูญพันธุ์ของพวกมันสำคัญอย่างไร

สัตว์ใกล้สูญพันธุ์หากไม่ได้รับการปกป้อง ในที่สุดอาจสูญพันธุ์ได้ และการสูญพันธุ์มีผลกระทบมากมายต่ออาหาร น้ำ สิ่งแวดล้อม และแม้แต่สุขภาพของเรา

แม้ว่าอาจดูไม่สำคัญหากเราสูญเสียสายพันธุ์ซาลาแมนเดอร์หรือหนูหนึ่งตัวไป แต่สิ่งสำคัญคือเพราะทุกสายพันธุ์เชื่อมโยงกันผ่านปฏิสัมพันธ์ของพวกมันในสายใยแห่งชีวิต ระบบนิเวศที่สมดุลและมีความหลากหลายทางชีวภาพเป็นระบบนิเวศที่แต่ละชนิดมีบทบาทสำคัญและต้องอาศัยบริการที่สิ่งมีชีวิตอื่นๆ จัดให้เพื่อความอยู่รอด ระบบนิเวศที่แข็งแรงมีประสิทธิผลมากกว่าและทนต่อการหยุดชะงัก

ผลการศึกษาพบว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมที่รุนแรงอาจทำให้เกิด “ผลกระทบจากโดมิโนที่สูญพันธุ์” ผู้เขียนคนหนึ่งของการศึกษากล่าวว่า "เพราะว่าสปีชีส์ทุกชนิดมีความเกี่ยวโยงกันในใยแห่งชีวิต งานวิจัยของเราแสดงให้เห็นว่าแม้แต่สปีชีส์ที่อดทนที่สุดก็ยอมจำนนต่อการสูญพันธุ์ในที่สุดเมื่อสปีชีส์ที่มีความอดทนน้อยซึ่งพวกมันต้องพึ่งพาอาศัยกันหายไป" ดังนั้นการช่วยชีวิตหนึ่งสายพันธุ์หมายถึงการรักษาแหล่งที่อยู่อาศัยและอีกสายพันธุ์หนึ่งที่อาศัยอยู่ที่นั่นด้วย

หากไปเร็วๆในเรื่องของผลกระทบด้านอื่นๆ ก็จะมี ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อาหารให้เสียสมดุลการกำจัดสัตว์นักล่าขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านบนสุดของห่วงโซ่อาหาร อาจเป็นผลกระทบที่ร้ายแรงที่สุดของมนุษย์ต่อธรรมชาติ การสูญเสียของพวกมันมีบทบาทในการระบาดใหญ่ ไฟไหม้ การลดลงของชนิดพันธุ์ที่มีคุณค่า และการเพิ่มขึ้นของชนิดที่รุกราน การลดลงของบริการในระบบนิเวศ และการกักเก็บคาร์บอนที่ลดลง

สปีชีส์เสี่ยงใกล้สูญพันธุ์ ทำไมสัตว์ใกล้สูญพันธุ์จึงมีความสำคัญ?

อันตรายต่อการผสมเกสร ร้อยละ 75 ของพืชอาหารของโลกผสมเกสรบางส่วนหรือทั้งหมดโดยแมลงและสัตว์อื่น ๆ และพืชที่ออกดอกเกือบทั้งหมดในป่าฝนเขตร้อนได้รับการผสมเกสรโดยสัตว์ การสูญเสียแมลงผสมเกสรอาจส่งผลให้การผลิตเมล็ดพืชและผลลดลง ส่งผลให้พืชที่สำคัญหลายชนิดสูญพันธุ์ในที่สุด

สิ่งที่คุณสามารถทำได้คือ

  • กินเนื้อสัตว์ให้น้อยลง เน้นอาหารออร์แกนิกมากขึ้น
  • เลือกทานอาหารทะเลที่ยั่งยืน สามารถดูรายชื่อปลายั่งยืนได้ที่ >>> รายชื่อปลา
  • อย่าซื้อผลิตภัณฑ์ที่ทำจากสัตว์ใกล้สูญพันธุ์หรือสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ เช่น กระดองเต่า งาช้าง ปะการัง หนังสัตว์บางชนิด
  • ระวังแหล่งน้ำมันปาล์มที่ใช้ในอาหารและเครื่องสำอางนับไม่ถ้วน ป่าเขตร้อนหลายแห่งกำลังถูกเผาเพื่อทำสวนปาล์มน้ำมัน หากผลิตภัณฑ์มีน้ำมันปาล์ม ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามาจากสวนที่ปราศจากการตัดไม้ทำลายป่า
  • ลดการใช้พลาสติก
  • ปลูกพุ่มไม้ได้ปลูก สร้างแหล่งอาหารให้แมลงและผึ้งได้นำไปผสมเกศรเพิ่มความชุ่มชื้นธรรมชาติ
  • สนับสนุนและมีส่วนร่วมกับองค์กรที่ช่วยเหลือสัตว์ใกล้สูญพันธุ์

ที่มาข้อมูล

 https://news.climate.columbia.edu/2019/03/26/endangered-species-matter/

https://www.iucnredlist.org/

https://www.seub.or.th/bloging/news/global-news/

https://www.foodnetworksolution.com/wiki/word/2193/crustacean

https://www.msc.org/what-you-can-do/eat-sustainable-seafood/fish-to-eat

 

related