svasdssvasds

งานวิจัยชี้ ทรายกำลังหมดโลก ถ้าโลกนี้ไม่มีทรายจะเกิดอะไรขึ้น?

งานวิจัยชี้ ทรายกำลังหมดโลก ถ้าโลกนี้ไม่มีทรายจะเกิดอะไรขึ้น?

'ทราย' ทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกนำไปใช้มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกและการขยายตัวของเมืองและการเพิ่มจำนวนประชากรกำลังทำให้เกิดวิกฤตทราย มันเกิดอะไรขึ้น?

'ทราย' คือ ปัจจัยสำคัญของการดำรงชีวิตมนุษย์ในปัจจุบันโดยที่หลายคนอาจจะไม่ค่อยรู้ตัวเท่าไหร่นัก ทรายอยู่รอบตัวของพวกเราเสมอและก็เป็นทรัพยากรอันดับ 2 ของโลกที่ถูกนำมาใช้งานมากที่สุด กำแพง ตึกรามบ้านช่องก็มีส่วนประกอบเป็นทราย ถนนหนทางก็มีส่วนประกอบเป็นทราย นอกจากนี้ทรายยังเป็นทรัพยากรสำคัญให้เราสามารถยืน เดิน นั่ง วิ่งและหล่อเลี้ยงชีวิตหลายสรรพสิ่งมาตั้งแต่ก่อกำเนิดโลกใบนี้แล้ว

ทรายเป็นวัสดุที่ไม่สามารถควบคุมได้เหมือนน้ำ และมีการใช้งานกันอย่างกว้างขวางในเกือบทุกโครงสร้างบนโลกมนุษย์ในปัจจุบัน รู้หรือไม่ทุกสิ่งก่อสร้างบนโลกใช้ทรายไปประมาณ 50 พันล้านเมตริกตันต่อปี หรือมีน้ำหนักเท่ากับเรือไททานิก อาร์เอ็มเอสอันเลื่องชื่อ 10,000 ลำ และเพียงพอที่จะสร้างกำแพงสูง 88 ฟุต กว้าง 88 ฟุตรอบโลก ปริมาณการใช้ทรายของมนุษย์นั้นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และมันเพิ่มขึ้นแบบไร้การควบคุม

รู้ได้อย่างไรเรากำลังขาดแคลนทราย?

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) ซึ่งมีสำนักงานอยู่ในเคนยา ได้ออกรายงานฉบับใหม่พร้อมคำแนะนำเพื่อหลีกเลี่ยงวิกฤตการขาดแคลนทราย ข้อมูลสรุปนี้เป็นไปตามรายงานการรับรู้ของ UNEP ปี 2019 ซึ่งองค์กรกล่าวว่า วิกฤตทรายนั้นได้ถูกมองข้ามไปแล้ว และทรายกำลังจะหมดโลก

Pascal Peduzzi ผู้ประสานงาน UNEP สำหรับรายงานทรายเขียนว่า “เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน เราต้องเปลี่ยนแปลงวิธีการผลิตสร้างและใช้ผลิตภัณฑ์โครงสร้างพื้นฐานและบริการอย่างมาก ทรัพยากรทรายของเราไม่มีที่สิ้นสุดก็จริง แต่เราจำเป็นต้องใช้มันอย่างชาญฉลาด หากเราเข้าใจวิธีจัดการวัสดุแข็งที่สกัดได้มากที่สุดในโลกได้แล้ว เราก็จะสามารถหลีกเลี่ยงวิกฤตและก้าวไปสู่เศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างยั่งยืนได้”

ดูเหมือนทรายมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง ใต้เท้าของเรา ในกำแพงรอบตัวเรา และในกระเป๋าของเราเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนผสมที่สำคัญที่สุดในการทำคอนกรีตเป็นกี่เปอร์เซ็น? ความต้องการทรายของโลกเริ่มกินพื้นที่แม่น้ำและชายหาดออกไป รายงานของ NPR ปี 2017 ระบุว่า เรากำลังทำลายป่าและพื้นที่เกษตรกรรมเพียงเพื่อให้ได้ทรายมากขึ้น

ทรายเกิดขึ้นตามธรรมชาติมาหลายพันล้านปี ทรายส่วนใหญ่มีต้นกำเนิดมาจากภูเขาและก่อตัวเป็นแม่น้ำที่ไหลลงสู่มหาสมุทร แน่นอนว่ามันมุ่งหน้าไปยังชายหาดทั่วโลกเพื่อให้ทรายสัมผัสระหว่างนิ้วเท้าของคุณ แต่ทรายเป็นมากกว่าความสุขของผู้ที่มาเล่นชายหาดและสร้างเมือง ทรายยังมีบทบาทสำคัญในด้านสิ่งแวดล้อม เป็นปัจจัยสำคัญในการปกป้องชายฝั่งจากคลื่นพายุ สร้างที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติที่แข็งแรงสำหรับสัตว์หลากหลายชนิดและป้องกันการกัดเซาะ

สัตว์น้อยใหญ่ก็ใช้ทรายเป็นบ้านและวางไข่เยอะเลยแหละ โลกของทรายเป็นโลกที่ไม่ได้รับการควบคุม ดังนั้นเมื่อทรายถูกดึงออกจากพื้นที่ที่มีความอ่อนไหว มันสร้างปัญหาต่อความหลากหลายทางชีวภาพและสร้างความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมเพิ่มเติมที่อาจกลายเป็นภัยคุกคามทางกายภาพ

UNEP ต้องการเห็นมาตรฐานสากลในการสกัดทรายออกจากสิ่งแวดล้อมทางทะเล และเรียกร้องให้มีอำนาจกลางในการติดตามการใช้ทรายทั่วโลกในขณะที่จะสามารถส่งเสริมหาวัสดุอื่นๆทดแทนได้ เจ้าหน้าที่ต้องการสิ่งจูงใจสำหรับโครงการก่อสร้างที่ทิ้งทรายและมีการใช้หินบด วัสดุก่อสร้างและวัสดุรื้อถอนที่กลับมาใช้ใหม่ได้ หรือทรายแร่ก็ได้ เราควรมองหานวัตกรรมใหม่ๆที่จะมาทดแทนทรายได้

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

แน่นอน ไม่มีอะไรบริสุทธิหรือถูกไปกว่าทรายธรรมชาติอีกแล้ว และนั่นนำไปสู่ “โลกใต้พิภพทราย” Vince Beiser จาก NPR กล่าวว่า “กลุ่มอาชญากรได้เข้าครอบงำธุรกิจทรายแล้ว และพวกเขาทำในสิ่งที่มาเฟียมักทำกันเกือบทุกที่ พวกเขาติดสินบนตำรวจและถ้าคุณเข้าไปขวางทางพวกเขาจริงๆพวกเขาก็จะฆ่าคุณ”

ในขณะที่โลกกำลังพัฒนาเติบโตขึ้น ธุรกิจทรายก็เช่นกัน สถานที่ต่างๆ เช่น อินเดีย อินโดนีเซีย จีน และประเทศอื่นๆ มีปัญหามากที่สุด Beiser กล่าว แม้ว่าจีนจะใช้ทรายมากกว่าประเทศอื่นๆโดยประมาณครึ่งหนึ่งของการใช้ทรายทั้งหมดของโลก มีการขุดเกาะเล็กๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพียงเพื่อหาทราย

ทรายถูกขุดมากกว่าแร่ใดๆในโลก ทรายรวมประมาณ 40 พันล้านถึง 50 พันล้านตัน (รวมกรวดและหินบด) ถูกสกัดออกจากพื้นโลกทุกปี สหรัฐอเมริกาเพียงแห่งเดียวผลิตได้ 960 ล้านเมตริกตันในปี 2020 ความต้องการทรายไม่เพียงแต่ทำให้ทรัพยากรหมดไป แต่ยังก่อให้เกิดปัญหามากมายผลักดันต้นทุนในการพัฒนาในขณะที่ยังสร้างผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมที่เลวร้ายมากขึ้นด้วย

ปัญหานี้คือปัญหาที่ค่อนข้างใหม่ ที่มนุษย์เราเพิ่งรู้ตัว แม้ว่าทรายจะเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่มหาศาลพอๆกับน้ำทะเล แต่อุปสงค์การใช้ทรายและการขยายตัวของเมืองก็เพิ่มมากขึ้นเท่าตัวในทุกปีจึงมีความเป็นไปได้ที่ทรายอาจจะหมดโลกเข้าสักวันหากเราไม่ทำอะไรเลย

ปัญหาสำคัญอีกประการคือ การไม่ทราบจำนวนที่แน่นอนของการขุดทรายในแต่ละปี การแยกส่วนทั่วโลกไม่ได้รับการบันทึกไว้อย่างดีเท่าไหร่ ทำให้ยากต่อการรู้ว่าวิกฤตนั้นรุนแรงเพียงใด อย่างไรก็ตาม การประเมินแบบอนุรักษ์นิยมในการสกัดทรายทั่วโลกต่อปีคือ 40 พันล้านตัน ตามโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ

การขยายตัวของเมืองมีเพิ่มขึ้นหลายเท่าทุกๆปี และประชากรก็เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ เลยไม่แปลกที่ทรายจะมีความต้องการเพื่อการก่อสร้างมากขนาดนี้ การขยายตัวของเมืองและความต้องการทรายกำลังสูงขึ้น

Vince Beiser นักข่าวและผู้เขียนหนังสือ "The World in a Grain" กล่าวว่า ในช่วง 20-30 ปีที่ผ่านมา โลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศกำลังพัฒนากำลังอยู่ในการขยายตัวของเมืองอย่างไม่น่าเชื่อ การสร้างเมืองในระดับนี้เป็นก้าวใหญ่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์มนุษย์

ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นและผู้สร้างต้องการทรายจำนวนมากในการทำเช่นนั้น อุตสาหกรรมการก่อสร้างใช้ทรายปริมาณมากที่สุดในโลก การผลิตคอนกรีตและซีเมนต์ขึ้นอยู่กับทรายเป็นพิเศษ คอนกรีตส่วนใหญ่ประกอบไปด้วยทราย 25% และมวลรวมหยาบ 45%

ทรายยิ่งหายากก็ยิ่งแพงขึ้นในปี 1991 ราคาทรายเฉลี่ยต่อตันในสหรัฐฯอยู่ที่ 3.96 ดอลลาร์ ในปี 2021 อยู่ที่ 9.90 ดอลลาร์ ใช้ทรายประมาณ 18,000 ตันเพื่อสร้างทางหลวง 1 ไมล์และ 200 ตันสำหรับบ้านเดี่ยวโดยเฉพาะ นั่นหมายความว่าต้องใช้ทรายมากกว่า 1,000 ดอลลาร์เพื่อสร้างบ้านมากกว่าเมื่อ 20 ปีก่อน

การใช้ทราย กรวดและหินบดในการก่อสร้างคาดว่าจะเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวภายในปี 2060 เมื่อประชากรโลกเพิ่มขึ้นถึง 10 พันล้านคน ตามรายงานประจำปี 2019 โดยองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา พื้นที่อาคารสูงถูกกำหนดให้เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ภายในปี 2060 สำหรับประเทศกำลังพัฒนา ทุกคนบนโลกใช้ทรายโดยเฉลี่ยประมาณ 40 ปอนด์ต่อวัน

องค์การสหประชาชาติรายงานในปี 2019 และจะเติบโตอย่างต่อเนื่องตามแนวโน้มการขยายตัวของเมือง เมื่อเราสร้างเมือง ถนน และโรงจอดรถ ทรายที่หาได้ในท้องถิ่นจะหมดลง  และวัสดุต้องนำเข้ามาจากพื้นที่อื่น ซึ่งเป็นวิธีแก้ปัญหาที่มีราคาแพงและสิ้นเปลืองทรัพยากร

ออโรรา ตอร์เรส นักนิเวศวิทยาและนักวิจัยด้านสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ค่าใช้จ่ายในการขนส่งเหล่านี้ทำให้ราคาพัฒนาเพิ่มขึ้น

“ทันทีที่คุณเริ่มเพิ่มระยะทางในการขนส่ง มันจะกลายเป็นส่วนที่ใหญ่ที่สุดของราคาที่สูงขึ้น” ความขาดแคลนในท้องถิ่นก่อให้เกิดตลาดทรายระหว่างประเทศ ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์สูงขึ้น

หลายคนสงสัย ทะเลทรายมีทรายเยอะจะตาย ทำไมไม่เอามาใช้ล่ะ?

ไม่ได้หรอกนะ ทรายทะเลทรายเกิดจากการกัดเซาะของลม ส่งผลให้เม็ดละเอียดและกลมเกินไปสำหรับการก่อสร้าง เป็นส่วนผสมที่อ่อนไหวในการสร้างบ้านมาก ถ้าอยากได้บ้านทนแข็งแรงแบบในเมืองปัจจุบันล่ะก็นะ ทรายในคอนกรีตมักถูกขุดจากทะเลสาบ แม่น้ำ และสามเหลี่ยมปากแม่น้ำ ซึ่งกัดเซาะทำให้เกิดทรายขรุขระซึ่งเหมาะสมสำหรับซีเมนต์

ผู้เขียน Beiser กล่าวว่า “มีทรายจำนวนมากบนโลกใบนี้ ซึ่งสามารถนำมาใช้ในการก่อสร้างได้ ของที่หาง่ายจริงๆ สิ่งที่อยู่ใกล้ผิวน้ำ สิ่งนั้นส่วนใหญ่หายไปและเราต้องก้าวต่อไป เราทำความเสียหายมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อให้ได้สิ่งที่เหลืออยู่”

ราคาที่สูงขึ้นนำไปสู่การค้าที่ผิดกฎหมาย

“สิ่งที่เกิดขึ้นคือความต้องการยังสูงอยู่ แต่คุณมีวัสดุจากแหล่งที่เป็นทางการน้อยกว่า โดยทั่วไปแล้วสิ่งนี้จะนำไปสู่การขึ้นราคา และก่อให้เกิดกิจกรรมที่ผิดกฎหมายจำนวนมาก” ตอร์เรสกล่าว

สิ่งนี้เกิดขึ้นในประเทศจีน เมื่อรัฐบาลออกกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดขึ้น สำหรับการทำเหมืองทรายในแม่น้ำ ราคาทรายแม่น้ำก็เพิ่มขึ้น 600%

“สิ่งนี้ก่อให้เกิดกิจกรรมที่ผิดกฎหมายจำนวนมาก หลายคนกลายเป็นส่วนหนึ่งของการจัดหาวัสดุที่ผิดกฎหมายนี้อย่างเงียบๆ”

และในพื้นที่ที่มีการทำเหมืองอย่างผิดกฎหมาย มันสามารถทำลายล้างชุมชนได้ อินเดียเป็นผู้ผลิตคอนกรีตรายใหญ่เป็นอันดับสองของโลกและอุตสาหกรรมทรายส่วนใหญ่ถูกครอบงำโดยกลุ่มอาชญากรที่รู้จักกันในชื่อ ‘มาเฟียทราย’

“ความขัดแย้งบนผืนทรายได้ก่อตัวขึ้นแล้ว ฉันไม่ต้องการที่จะพูดถึงการทำสงคราม แต่เป็นความรุนแรงที่ค่อนข้างใหญ่ ชุมชนกำลังตกเป็นเป้าของความรุนแรง มันเป็นการทำลายชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนอย่างแท้จริง”

ตัวอย่างเช่น สิงคโปร์เป็นนครรัฐที่มีความหนาแน่นสูง ซึ่งมีการพัฒนาอย่างมากและรวดเร็ว โดยอาศัยการนำเข้าทราย

“สิ่งนี้นำไปสู่ความขัดแย้งมากมายในพื้นที่ และในอดีตสิงคโปร์ถูกกล่าวหาว่าขโมยทรายจากประเทศเพื่อนบ้านและถูกกล่าวหาว่าทำให้เกาะหายไปมากกว่า 20 แห่งในอินโดนีเซีย” ตอร์เรสกล่าว

พวกเราทำอะไรได้บ้าง?

ตอร์เรสและBeiser กล่าวว่า การลดความต้องการทรายเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง วิธีที่สำคัญที่สุดในการจำกัดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมที่เกิดจากการขุดทราย คือการลดความต้องการทรัพยากรของเราลงอย่างมาก

สำหรับ ตอร์เรส นี่หมายถึงการเปลี่ยนลำดับความสำคัญและสร้างความแตกต่าง “เป็นความคิดของเราเกี่ยวกับความก้าวหน้าที่ว่า ยิ่งเราประสบความสำเร็จมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งมีบ้านหลังใหญ่ขึ้นเท่านั้น เราจะมีรถยนต์มากขึ้นเท่านั้น และเราจำเป็นต้องต่อต้านสิ่งนั้น” อาคารต่างๆหมายถึงรอยเท้าขนาดใหญ่ในทราย เธอเปรียบเปราย

บางทีจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดคือการตระหนักถึงวิกฤตที่มีอยู่ “ฉันอยากให้ผู้คนตระหนักมากขึ้นว่าแร่ธาตุนี้มีความสำคัญต่อชีวิตของเราเพียงใด” ตอร์เรสกล่าว

เกร็ดความรู้

ประเภทของทรายมีทั้งหมด 4 ประเภท

  • ทรายหยาบ
  • ทรายกลาง
  • ทรายละเอียด
  • ทรายถม หรือทรายขี้เป็ด

ทรายส่วนใหญ่ที่นำมาใช้ในการก่อสร้าง

ทรายบก

ที่ประกอบไปด้วย

  • ทรายแม่น้ำ
  • ทรายตะกอนน้ำพารูปพัด
  • ทรายที่สะสม และตกตะกอนในทางน้ำเก่า

ทรายทะเล

ทั้ง 2 แหล่งนี้จะถูกนำมาสกัดให้สะอาดและละเอียดพอที่จะนำไปขายเพื่อการก่อสร้างต่อได้

ที่มาข้อมูล

https://www.popularmechanics.com/science/environment/a39880899/earth-is-running-out-of-sand/

https://www.marketplace.org/2022/05/02/what-happens-when-we-run-out-of-sand/

https://www.kachathailand.com/articles/

related