svasdssvasds

ทำไม? เดนมาร์กได้อันดับ 1 ของโลกในด้านสิ่งแวดล้อม ไทยได้อันดับเท่าไหร่?

ทำไม? เดนมาร์กได้อันดับ 1 ของโลกในด้านสิ่งแวดล้อม ไทยได้อันดับเท่าไหร่?

เดนมาร์ก เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ใส่ใจและให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมอย่างมาก โดยได้รับการจัดอันดับดัชนีด้านการดำเนินงานสิ่งแวดล้อมเป็นอันดับที่ 1 สองปีซ้อนแล้ว

โดยอันดับนี้ได้จัดจากเกณฑ์ด้านความยั่งยืนของดัชนีการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Performance Index หรือตัวย่อ EPI ที่ใช้วัดการพัฒนาและดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศนั้นๆ 

ซึ่ง EPI ในปี 2022 นี้จะมี 3 หัวข้อหลักๆคือ ความสมบูรณ์ของระบบนิเวศ (Ecosystem vitality) สุขภาวะด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental health) และนโยบายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate change)

 

ปีนี้ประเทศเดนมาร์กได้คะแนนพุ่งสูงถึง 77.9% นำทุกตัวชี้วัด และเป็นอันดับ 1 ใน 180 ประเทศทั่วโลก และยังโดดเด่นด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในประเทศอีกด้วย

เดนมาร์กเป็นอีกหนึ่งในผู้นำและตัวอย่างประเทศในการ “ลดก๊าซเรือนกระจก” ประเทศเดนมาร์กได้ลดการใช้ก๊าซเรือนกระจกมากว่า 25 ปี และลดลงไปมากกว่าครึ่ง โดยที่น่าสนใจคือเดนมาร์กยังมีเป้าหมายว่าในปี 2030 นี้มีความต้องการจะลดก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 70% และยังมีเป้าหมายในความเป็นกลางด้านคาร์บอน ภายในปี 2050 อีกด้วย 

เดนมาร์กเป็นประเทศที่ใช้พลังงานหมุนเวียนได้ดีที่สุดเนื่องจากเป็นภูมิประเทศราบเรียบและอยู่ใกล้ทะเล ดังนั้นจะมีแหล่งพลังงานลมมากเป็นพิเศษ เดนมาร์กจึงใช้พลังงานลมสูงถึง 46.8% และอีกกว่า 11.2% มาจากพลังงานชีวมวล หรือมาจากเศษขยะเหลือใช้ต่างๆ ทำให้รวมกันเดนมาร์กสามารถใช้พลังงานหมุนเวียนจากธรรมชาติได้ถึง 67% 

รัฐบาลของเดนมาร์กยังมีแผนการที่น่าสนใจคือ ต้องการเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานลมให้ได้ 3 เท่า ภายในปี 2030 นี้ ซึ่งไม่เพียงแต่จะทำให้สถิติการใช้พลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้นและยังช่วยมลภาวะและเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย

เดนมาร์กและการรีไซเคิลขยะที่จริงจังเพราะเดนมาร์กมีระบบตรวจวัดปริมาณการใช้น้ำและพลังงานในประเทศ เพื่อลดการใช้ทรัพยากรที่สิ้นเปลือง และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยไม่จำเป็น ยังมีระบบน้ำเสียต่างๆ ซึ่งสถิติในปี 2019 เดนมาร์กรีไซเคิลขวดและกระป๋องได้ถึง 92% เป็นตัวเลขที่สูงมากเลยทีเดียว

เดนมาร์กถือเป็นตัวอย่างที่ดีของประเทศที่จริงจังกับการพัฒนาประเทศด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน โดยในปีนี้ได้มีการจัดอันดับ EPI ดังนี้


อันดับที่ 1 ประเทศเดนมาร์ก 77.9% 
อันดับที่ 2 ประเทศอังกฤษ 77.7%
อันดับที่ 3 ประเทศฟินแลนด์ 76.5%
อันดับที่ 4 ประเทศมอลตา 75.2%
อันดับที่ 5 ประเทศสวีเดน 72.7%
อันดับที่ 6 ประเทศลักเซมเบิร์ก 72.3%
อันดับที่ 7 ประเทศสโลเวเนีย 67.3%
อันดับที่ 8 ประเทศออสเตรีย 66.5%
อันดับที่ 9 ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ 65.9%
และประเทศไทยเราได้คะแนนอยู่ที่ 38.10% ซึ่งอยู่ในอันดับ 108 จาก 180 ประเทศทั่วโลก


อ้างอิงจาก https://epi.yale.edu/ อัปเดตวันที่ 7 มิ.ย 65

related