svasdssvasds

อย่าไปเชื่อ!! สูตรยาผีบอก แก้ “อัมพฤกษ์” จะถึงตายเอาได้

อย่าไปเชื่อ!! สูตรยาผีบอก แก้ “อัมพฤกษ์” จะถึงตายเอาได้

ย้ำว่าอย่าเชื่อเป็นอันขาด!! กับสูตรยาผีบอกรักษาโรคให้หายขาด จนส่งต่อกันนับหมื่นรีวิว งานนี้ให้ฟังคุณหมอายุรศาสตร์ว่า โรคอัมพฤกษ์อัมพาต เป็นโรคเรื้อรังที่ต้องการการดูแล ควรเข้ารับการรักษาจากหมอดีที่สุด

นพ.ยงชัย นิละนนท์ อายุรแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล อธิบายให้เห็นภาพชัดว่า อัมพฤกษ์อัมพาต หรือโรคหลอดเลือดสมอง เป็นสาเหตุการตายอันดับ 3 ทั่วโลก และเป็นสาเหตุที่สำคัญของความพิการที่รุนแรง ข้อมูลทางสถิติพบว่าในแต่ละปีมีผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองเกิดใหม่ทั่วโลกราว 10 - 15 ล้านคน ในจำนวนนี้ 5 ล้านคนเสียชีวิต และอีก 5 ล้านคนกลายเป็นคนพิการอย่างถาวร

ในไทยสถิติจากกระทรวงสาธารณสุขพบว่า โรคหลอดเลือดสมองเป็นสาเหตุการตาย หรือพิการสูงเป็นอันดับ 3  ในเพศชาย รองจากโรคเอดส์และอุบัติเหตุ และสูงเป็นอันดับ 2 ในเพศหญิงรองจากโรคเอดส์  จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นว่าโรคหลอดเลือดสมองเป็นโรคที่คุกคามต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชากรทั่วโลก

อย่าไปเชื่อ!! สูตรยาผีบอก แก้ “อัมพฤกษ์” จะถึงตายเอาได้

อัมพฤกษ์อัมพาตหรือโรคหลอดเลือดสมองมี 2 ประเภท

1. สมองขาดเลือด พบประมาณ 70-80% ของผู้ป่วยอัมพฤกษ์อัมพาต เกิดจากความผิดปกติของหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงสมองเกิดการตีบหรืออุดตัน ซึ่งเป็นผลจากการที่ผู้ป่วยมีปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ  เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง การบริโภคอาหารที่มีไขมันสูง  การสูบบุหรี่   ภาวะหัวใจวายหรือหัวใจเต้นผิดจังหวะบางชนิด การขาดการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ  โรคเลือดบางอย่าง เช่น ภาวะเลือดข้นผิดปกติ   เกร็ดเลือดสูง  เม็ดเลือดขาวสูงผิดปกติ  ผู้ป่วยที่มีปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวอยู่เป็นเวลานานจะเป็นผลให้ผนังหลอดเลือดหนาและแข็งตัว เกิดการตีบหรืออุดตัน ทำให้สมองขาดเลือดเกิดอัมพาตตามมาในที่สุด  โดยผู้ป่วยเหล่านี้มักมีโรคหลอดเลือดหัวใจตีบร่วมด้วย

2. หลอดเลือดสมองแตก เมื่อเกิดการแตกของหลอดเลือดสมอง ก้อนเลือดจะเบียดดันเนื้อสมองส่วนที่ดีทำให้เสียหน้าที่เซลล์สมองทำงานผิดปกติ  เกิดอัมพฤกษ์อัมพาตตามมา ภาวะนี้มักสัมพันธ์กับโรคความดันโลหิตสูงที่ไม่ได้รับการรักษาอยู่เป็นเวลานาน  นอกจากนี้ยังเกิดจากความเครียด  การดื่มแอลกอฮอล์ รวมทั้งยาบางชนิด

อาการของอัมพฤกษ์อัมพาต

หากมีอาการในข้อหนึ่งข้อใดดังต่อไปนี้ ควรรีบพบแพทย์ทันที เพราะอาการเหล่านี้ล้วนเป็นอาการของโรคหลอดเลือดสมองทั้งสิ้น

1.มีอาการชาหรืออ่อนแรงของแขนขา หรือใบหน้าข้างใดข้างหนึ่ง

2. ตาข้างใดข้างหนึ่งมัวหรือมองไม่เห็น

3. พูดลำบาก พูดไม่ได้ หรือไม่เข้าใจคำพูด

4. มีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงโดยไม่มีสาเหตุชัดเจน

5. มีอาการมึนงง หรือเดินไม่มั่นคง เสียศูนย์

การรักษาให้ได้ผลดีขึ้นอยู่กับ

1.  เวลา ยิ่งได้รับการรักษาเร็วเท่าไร จะยิ่งมีโอกาสหายเป็นปกติได้มาก

2.  ความรุนแรงของโรคที่เป็น  ผู้ป่วยที่อาการรุนแรงน้อยจะมีโอกาสหายได้สูงกว่า

3.  ความพร้อมของเทคโนโลยีในการรักษา โดยใช้อุปกรณ์หรือเทคนิคที่เหมาะสมและยาที่มีประสิทธิภาพ ตลอดจนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เป็นปัจจัยที่สำคัญของผลการรักษา

สำหรับการรักษาโรคหลอดเลือดสมอง ที่เกิดจากการตีบหรืออุดตันของหลอดเลือดในระยะเฉียบพลันที่มีการศึกษายืนยันแล้วว่าได้ผลดีชัดเจน ได้แก่

1. การให้ยาสลายลิ่มเลือด (Tissue plasminogen activator, tPA) ทางหลอดเลือดดำแก่ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตันภายในเวลา 3 ชั่วโมงหลังเกิดอาการ  จะเพิ่มโอกาสของการฟื้นตัวจากความพิการให้อาการกลับมาใกล้เคียงปกติได้ถึง 1.5 – 3  เท่า  เมื่อเทียบกับผู้ป่วยกลุ่มที่ไม่ได้รับยา อย่างไรก็ตามการใช้ยานี้มีความเสี่ยงของเลือดออกในสมองได้ประมาณ 6%

2.  การให้รับประทานยาแอสไพรินอย่างน้อย 160 mg ต่อวันภายใน  48  ชั่วโมงหลังเกิดอาการ จะช่วยลดโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดสมองตีบตันซ้ำและเสียชีวิตลง

3. การรับตัวผู้ป่วยไว้ในหอผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลัน (acute stroke unit) นับเป็นการรักษาที่ช่วยลดอัตราการตายหรือพิการอีกวิธีหนึ่ง

4. การผ่าตัดเปิดกะโหลก (Hemicraniectomy) จะพิจารณาทำเฉพาะกรณีที่มีอาการรุนแรงและมีการตีบหรืออุดตันของหลอดเลือดแดงใหญ่ Middle cerebral atery ในสมองเท่านั้น โดยมีหลักฐานการศึกษาว่าการผ่าตัดดังกล่าวสามารถลดอัตราการตายของผู้ป่วยได้

related