EGG Digital ชี้ จะ “เติบโต” อย่างยั่งยืนในยุค AI Economy ธุรกิจต้อง “หลอมรวม” เข้ากับเทคโนโลยี

ในยุคเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ไม่ได้เป็นเพียงคำศัพท์ทางเทคนิคอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญที่กำลังจะเปลี่ยนโฉมหน้าเศรษฐกิจโลกและวิถีชีวิตของเราทุกคนอย่างสิ้นเชิง

ภายในงาน "EGG Digital Nexus 2025: The Fusion Frontier" ที่จัดขึ้นที่ไบเทค บางนา  ดร.ธีรเดช ดำรงค์พลาสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ้ก ดิจิทัล จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของไทย ได้ฉายภาพอนาคต  โดยชี้ว่าโลกกำลังเผชิญกับ 3 การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ได้แก่ การปฏิวัติของ AI (AI Economic Shifts), การเปลี่ยนขั้วทางเศรษฐกิจ (Economic Shifts) และ การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมลูกค้า (Customer Evolution) ซึ่งทั้งหมดนี้กำลังสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทุกอุตสาหกรรม

AI: ไม่ใช่แค่ผู้ช่วย แต่คือเพื่อนร่วมงานและเครื่องยนต์เศรษฐกิจ

ดร.ธีรเดช ได้เปิดเผยมุมมองที่น่าสนใจว่า AI จะกลายเป็นกลไกสำคัญที่สามารถขับเคลื่อน GDP โลกให้เติบโตได้ถึง 14% ซึ่งเป็นตัวเลขมหาศาลที่สะท้อนถึงศักยภาพของเทคโนโลยีนี้

แต่ที่ใกล้ตัวกว่านั้น คือผลกระทบต่อ "คนทำงาน" เขากล่าวว่า "ใครก็ตามที่ใช้ AI เป็นเพื่อนร่วมงาน (co-worker) จะมีประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้น และใช้เวลาทำงานลดลงถึง 60-70%" นี่ไม่ใช่การเข้ามาแทนที่มนุษย์ แต่เป็นการเสริมศักยภาพให้เราทำงานที่ซับซ้อนและสร้างสรรค์ได้ดียิ่งขึ้น ในขณะที่งานซ้ำซากจะถูกจัดการโดย AI

แนวโน้มนี้ได้รับการยืนยันจากตัวเลขที่น่าสนใจว่า องค์กรที่นำ AI มาปรับใช้มีแนวโน้มจะเติบโตสูงกว่าคู่แข่งถึง 18% และปัจจุบัน ธุรกิจกว่า 75% ได้เริ่มนำ AI เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานแล้ว

กำเนิด "ลูกค้าสายพันธุ์ใหม่": ไร้ขีดจำกัด และไม่รอใคร

ในขณะที่เทคโนโลยีกำลังก้าวไปข้างหน้า พฤติกรรมของผู้บริโภคก็วิวัฒนาการตามไปด้วย ดร.ธีรเดช นิยามลูกค้าในยุคนี้ว่ามีความ "เป็นของเหลว" (Fluid) มากขึ้น พวกเขาไม่ได้ยึดติดกับช่องทางใดช่องทางหนึ่ง และพร้อมจะเปลี่ยนใจไปหาแบรนด์ที่มอบประสบการณ์ที่ดีกว่าได้ทุกเมื่อ โดยข้อมูลชี้ว่า ผู้บริโภคกว่า 80% พร้อมที่จะเปลี่ยนไปใช้แบรนด์ที่ตอบสนองความต้องการของพวกเขาได้ดีกว่า

ยิ่งไปกว่านั้น ลูกค้าในยุคดิจิทัลมีความคาดหวังที่สูงขึ้นในเรื่องของ "การตอบสนองแบบเรียลไทม์" (Real-time Expectations) พวกเขาต้องการให้แบรนด์เข้าใจความต้องการเฉพาะบุคคลและนำเสนอสิ่งที่ตรงใจได้ในทันที ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหนหรือใช้ช่องทางอะไรก็ตาม

ธุรกิจจะอยู่รอดได้อย่างไร? คำตอบคือ "การหลอมรวม"

คำถามสำคัญคือ ธุรกิจจะคว้าโอกาสมหาศาลที่ซ่อนอยู่ในลูกค้ากลุ่มนี้ได้อย่างไร? ดร.ธีรเดชเสนอแนวคิด "The Infinity Loop of Growth" หรือวงจรการเติบโตที่ไม่สิ้นสุด ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของ "Egg Nexus" ระบบนิเวศทางการตลาดยุคใหม่ที่บริษัทกำลังจะเปิดตัว

แนวคิดดังกล่าวประกอบด้วย 5 ขั้นตอนหลัก:

Connect (เชื่อมโยง): เปลี่ยนข้อมูลมหาศาล (Big Data) ให้กลายเป็นข้อมูลเชิงลึกที่นำไปใช้ได้จริง

Create (สร้างสรรค์): ใช้ AI สร้างเครื่องมืออัจฉริยะเพื่อทำความเข้าใจลูกค้า

Communicate (สื่อสาร): ส่งสารที่ออกแบบมาเพื่อคนๆ นั้นโดยเฉพาะ (Hyper-personalized) ในเวลาและช่องทางที่เหมาะสมที่สุด

Convert (เปลี่ยนเป็นยอดขาย): กระตุ้นการตัดสินใจซื้อในทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นออนไลน์หรือหน้าร้าน

Curate (ต่อยอด): นำข้อมูลที่ได้เรียนรู้กลับมาสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ เพื่อสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด (S-Curve)

ดร.ธีรเดชทิ้งท้ายด้วยวิสัยทัศน์ที่ต้องการเห็นคนไทยและธุรกิจไทยประสบความสำเร็จในเวทีโลก "เราต้องก้าวเข้ามาสู่โลกของ AI และมองมันเป็นการหลอมรวม (Fusion) ระหว่างข้อมูล, วัฒนธรรม, ความคิดสร้างสรรค์ และการค้า เพื่อสร้างการเติบโตที่ไม่สิ้นสุด"

 การเปลี่ยนแปลงได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ธุรกิจที่ไม่เพียงแค่ "ปรับตัว" แต่ต้อง "หลอมรวม" ตัวเองเข้ากับเทคโนโลยี AI และเข้าถึงหัวใจของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปเท่านั้น จึงจะสามารถอยู่รอดและเติบโตได้อย่างยั่งยืนในสมรภูมิดิจิทัลแห่งอนาคตนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• “เอ้ก ดิจิทัล” เปิดแนวคิด “Everyday Touchpoint Attention to Conversion”
• เอ้ก ดิจิทัล ชู Agentic AI ผู้ช่วยอัจฉริยะ พลิกโฉมการตลาดรับปี 2568
• LINE BK : จาก Social Banking สู่ Everyday Financial Partner ทำเรื่องเงินให้ง่ายขึ้นทุกมิติ