นครพนม : เมืองผ่าน สู่ เมืองพัก พลิกเกมด้วย พลังดิจิทัล-เศรษฐกิจท้องถิ่น บรรจบกันริมโขง

จากเมืองชายแดนที่เคยถูกมองเป็นเพียง 'เมืองผ่าน' สู่การเป็นหมุดหมายการท่องเที่ยวและการค้าที่น่าจับตามองในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นี่คือภาพการเปลี่ยนผ่านที่กำลังเกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญใน "นครพนม" จังหวัดที่มีศักยภาพสูงทั้งด้านยุทธศาสตร์การค้าและเสน่ห์ทางวัฒนธรรม โดยมีกลไกสำคัญคือการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การสร้างแลนด์มาร์กใหม่ และที่ขาดไม่ได้คือการเข้าถึงแพลตฟอร์มดิจิทัลอย่าง LINE MAN ที่เข้ามาเป็นตัวเร่งให้เศรษฐกิจท้องถิ่นเติบโตอย่างก้าวกระโดด

ท่องเที่ยวเชิงศรัทธาและทิวทัศน์ริมโขง: แม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยว

นครพนมไม่ได้มีดีแค่ทำเลที่ตั้งเชิงยุทธศาสตร์ที่เป็นประตูการค้าสำคัญเชื่อมไทยกับ สปป.ลาว เวียดนาม และจีนตอนใต้ ซึ่งมีมูลค่าการค้าชายแดนสูงกว่า 120,000 ล้านบาท และกำลังจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นด้วยโครงการรถไฟทางคู่สายบ้านไผ่–นครพนมในปี 2571 เท่านั้น แต่จุดแข็งที่เปลี่ยนสถานะของเมืองคือ 'เสน่ห์ด้านการท่องเที่ยว'

คุณชนนท์ กุลตั้งวัฒนา ประธาน YEC นครพนม ชี้ว่า การเกิดแลนด์มาร์กสำคัญอย่าง พญาศรีสัตตนาคราช และการเป็นแหล่งท่องเที่ยวสายศรัทธาที่มี พระธาตุพนม ได้ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวตัดสินใจ 'พักค้างคืน' แทนการแวะผ่าน ส่งผลให้นครพนมเปลี่ยนผ่านจาก 'เมืองผ่าน' สู่ 'เมืองพัก' อย่างสมบูรณ์

"ทิวทัศน์ริมฝั่งโขง ที่สามารถมองเห็นภูเขาฝั่ง สปป.ลาวได้อย่างสวยงาม ถือเป็น 'วิวที่สร้างรายได้' โดยไม่ต้องลงทุน เป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ไม่เหมือนใคร" - ว่าที่ร้อยตรี รวยรุ่ง ใครบุตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม

นอกจากนี้ การมาของ 'ชิงช้าสวรรค์ Mekong River Eye' สูง 50 เมตร ที่จะเปิดให้บริการเร็ว ๆ นี้ ยิ่งตอกย้ำความมุ่งมั่นในการยกระดับประสบการณ์ท่องเที่ยวริมโขงให้โดดเด่นยิ่งขึ้น

พลังดิจิทัล: LINE MAN ขับเคลื่อน 'เมืองรองกำลังโต'

การเติบโตของนครพนมไม่ได้จำกัดอยู่แค่การท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังเป็นภาพสะท้อนของเทรนด์ 'เมืองรองกำลังโต (High Growth City)' โดยมีเทคโนโลยีดิจิทัลเป็นพลังขับเคลื่อนหลัก

คุณอิสริยะ ไพรีพ่ายฤทธิ์ รองประธานฝ่ายนโยบายสาธารณะและรัฐกิจสัมพันธ์ LINE MAN Wongnai เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจว่า นครพนมมีอัตราการเติบโตของ GMV สูงถึง 16% และ จำนวนผู้ใช้เติบโต 11% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของภาคอีสานอย่างต่อเนื่อง นี่คือสัญญาณที่ชัดเจนของพฤติกรรมการใช้บริการดิจิทัลที่เพิ่มขึ้น

• GMV เติบโต 16% (สูงกว่าค่าเฉลี่ยอีสาน 14%)
• จำนวนผู้ใช้เติบโต 11% (สูงกว่าค่าเฉลี่ยอีสาน 5%)

การเข้าถึงแพลตฟอร์มเดลิเวอรีไม่เพียงช่วยร้านอาหารขยายฐานลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยัง สร้างอาชีพ 'ไรเดอร์' ซึ่งมีรายได้เฉลี่ยสูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำในท้องถิ่น ถือเป็นการกระจายรายได้และขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากอย่างแท้จริง

‘ของดีท้องถิ่น’ ติดปีกดิจิทัล: สร้างมูลค่าเพิ่มสู่ตลาดใหม่

หัวใจสำคัญของการเติบโตอย่างยั่งยืนคือ 'ผู้ประกอบการท้องถิ่น' ที่นำของดีในพื้นที่มาต่อยอดให้เข้ากับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่

วิศรุต สร้อยคำ เจ้าของร้าน Chewa Cafe By SK Sroikham ยกตัวอย่างการนำ กาละแม ของขึ้นชื่อของนครพนม มาครีเอตเป็นเมนูเครื่องดื่มและไอศกรีม หรือการแปรรูป ลิ้นจี่ นพ.1 (GI) จนได้รับการนำเสนอในห้างสรรพสินค้าใหญ่ ทำให้เกิดการหมุนเวียนรายได้กลับสู่ชุมชน และสร้างความภาคภูมิใจในผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น

นอกจากนี้ การทำธุรกิจในยุคดิจิทัลยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของ 'รีวิว' และ 'รางวัลการันตี' อย่าง LINE MAN Wongnai Users’ Choice ที่เป็นเสียงสะท้อนจากผู้บริโภคจริง ทำให้ผู้ประกอบการต้องรักษาคุณภาพและบริการอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับมาตรฐานร้านอาหารท้องถิ่นให้สามารถแข่งขันได้

'คนละครึ่ง' x LINE MAN: โอกาสทองในการสร้างลูกค้าประจำ

บทบาทของภาครัฐผ่านโครงการ 'คนละครึ่ง' ถูกมองว่าเป็นมาตรการที่สร้างผลลัพธ์เชิงประจักษ์และเป็น 'โอกาสทองในการสร้างฐานลูกค้าประจำ'

ผู้ประกอบการร้านอาหารยืนยันว่า โครงการคนละครึ่งในเฟสก่อนหน้านี้ทำ ให้ยอดขายหน้าร้านเพิ่มขึ้นถึง 100–150% และที่สำคัญคือได้ ลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นราว 50% ซึ่งหากร้านอาหารสามารถรักษาคุณภาพได้ ลูกค้าใหม่เหล่านี้จะกลายเป็นลูกค้าประจำในระยะยาว

การผนึกกำลังของโครงการคนละครึ่งเฟสใหม่กับแพลตฟอร์มเดลิเวอรีอย่าง LINE MAN ยิ่งถูกคาดการณ์ว่าจะสร้างการเติบโตครั้งใหญ่ โดย คุณวิศรุต คาดการณ์ว่ายอดขายน่าจะเพิ่มขึ้นได้อีก 150% หรืออาจพุ่งสูงถึง 300%

LINE MAN ย้ำความสำเร็จด้วยการเป็นแพลตฟอร์มหลักที่ร้านอาหารกว่า 75% เลือกเข้าร่วมโครงการ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของคู่ค้า และยืนยันความสามารถของแพลตฟอร์มที่ช่วยให้ร้านอาหารมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยระหว่าง 3–13.5 เท่า แม้หลังสิ้นสุดมาตรการภาครัฐ

บทต่อไปของ มุ่งสู่ศูนย์กลาง MICE และ Wellness Tourism

แม้จะประสบความสำเร็จในการเป็น 'เมืองพัก' แล้ว แต่ทิศทางการพัฒนาในระยะยาวของนครพนมยังคงมุ่งไปข้างหน้าอย่างมีกลยุทธ์

รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ชี้ว่า การวางแผนในระยะยาว 3–20 ปี มุ่งเน้นไปที่การสร้าง ระบบนิเวศการท่องเที่ยว (Tourism Ecosystem) ที่เชื่อมโยงทุกภาคส่วน พร้อมทั้งเร่งผลักดันโครงการโครงสร้างพื้นฐานให้เกิดประโยชน์ทั้ง "ขาไปและขากลับ" เพื่อสร้างการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ

ส่วน คุณชนนท์ มองว่า 'โอกาสในอนาคต' ของนครพนมคือการพัฒนาไปสู่:

การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism): ต่อ ยอดจากธรรมชาติที่สมบูรณ์และสมุนไพรท้องถิ่น

ธุรกิจการจัดประชุมและนิทรรศการ (MICE): ขยายฐานนักท่องเที่ยวกลุ่มองค์กรและภาครัฐ

อย่างไรก็ตาม การขาดแคลนสิ่งอำนวยความสะดวกและสถานที่รองรับการจัดงานขนาดใหญ่ยังเป็นโจทย์ที่ภาครัฐและเอกชนต้องร่วมกันผลักดัน เพื่อให้ นครพนม สามารถก้าวขึ้นเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวและการจัดงานระดับภูมิภาคได้อย่างสมบูรณ์และยั่งยืน

นครพนม กำลังใช้จุดแข็งด้านยุทธศาสตร์และวัฒนธรรม ผนวกกับพลังของเทคโนโลยีดิจิทัล และการสนับสนุนจากภาครัฐ ในการสร้างเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างมีทิศทาง การเปลี่ยนจาก 'เมืองผ่าน' สู่ 'เมืองพัก' เป็นเพียงก้าวแรกของการเป็น "เมืองริมโขงแห่งโอกาส" อย่างแท้จริง