svasdssvasds

ปี 2026 : เมื่อ ความเนี้ยบของ AI กลายเป็นขยะ จุดกำเนิดปีแห่งการตลาด ต่อต้าน AI

ปี 2026 : เมื่อ ความเนี้ยบของ AI กลายเป็นขยะ จุดกำเนิดปีแห่งการตลาด ต่อต้าน AI

ปี 2026 อาจไม่ใช่ปีที่ AI ครองโลกอย่างเบ็ดเสร็จ แต่กลับเป็นปีที่มนุษย์เริ่ม “เอาคืน” ในรูปแบบของการตลาดที่เรียกว่า “Anti-AI”

SHORT CUT

  • การแพร่หลายของคอนเทนต์คุณภาพต่ำที่สร้างโดย AI หรือ "Slop" กำลังทำลายความไว้วางใจของผู้บริโภค เนื่องจากความสมบูรณ์แบบที่ดูปลอมและไร้จิตวิญญาณทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนถูกหลอกลวง
  • ปี 2026 ถูกคาดการณ์ว่าจะเป็นจุดกำเนิดของการตลาดแบบ "ต่อต้าน AI" (Anti-AI) หรือ "100% Human" ซึ่งผู้บริโภคเริ่มปฏิเสธคอนเทนต์จาก AI และโหยหาความจริงแท้จากผลงานที่สร้างโดยมนุษย์
  • แบรนด์ที่ชูจุดยืน "มนุษย์นิยม" และความโปร่งใสกำลังได้รับความนิยมและเสียงสนับสนุน ในขณะที่แบรนด์ที่แทนที่มนุษย์ด้วย AI กำลังเผชิญกับกระแสต่อต้านอย่างรุนแรงจากผู้บริโภค

ปี 2026 อาจไม่ใช่ปีที่ AI ครองโลกอย่างเบ็ดเสร็จ แต่กลับเป็นปีที่มนุษย์เริ่ม “เอาคืน” ในรูปแบบของการตลาดที่เรียกว่า “Anti-AI”

ในขณะที่โลกเทคโนโลยีกำลังเฉลิมฉลองความก้าวหน้าแบบก้าวกระโดด แต่ในมุมมืดของหน้าจอและความรู้สึกของผู้คน คลื่นใต้น้ำลูกใหม่กำลังก่อตัวขึ้น และหากคุณสังเกตให้ดี ปี 2026 อาจไม่ใช่ปีที่ AI ครองโลกอย่างเบ็ดเสร็จ แต่กลับเป็นปีที่มนุษย์เริ่ม “เอาคืน” ในรูปแบบของการตลาดที่เรียกว่า “Anti-AI”

ยุคสมัยแห่ง "Slop": เมื่อคอนเทนต์ขยะล้นทะลัก

พจนานุกรม Merriam-Webster ได้เลือกคำว่า “Slop” ให้เป็นคำแห่งปี 2025 ซึ่งสะท้อนความรู้สึกของผู้คนได้ดีที่สุด “Slop” ไม่ได้หมายถึงแค่อาหารหมู แต่มันคือนิยามของ “คอนเทนต์ขยะ” คุณภาพต่ำที่สร้างโดยปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งกำลังไหลซึมไปทั่วทุกพื้นที่ดิจิทัลของเรา ตั้งแต่สไลด์นำเสนงาน ประกาศขายบ้าน ไปจนถึงฟีดโซเชียลมีเดีย

บรรณาธิการของ Merriam-Webster บรรยายไว้อย่างเห็นภาพว่า “เช่นเดียวกับเมือก โคลนตม และสิ่งปฏิกูล... Slop ให้เสียงที่ฟังดูเปียกแฉะเหมือนสิ่งที่คุณไม่อยากจะแตะต้อง”

เราต่างคุ้นเคยกับภาพ แมวตาโตที่ดูปลอมจนตลก แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าคือเมื่อ Slop เริ่มพัฒนาจน “เนียน” จุดสังเกตเดิมๆ เช่น นิ้วมือที่บิดเบี้ยวหรือแสงเงาที่ผิดเพี้ยนถูกลบเลือนไป การไถหน้าจอ TikTok ทุกวันนี้จึงกลายเป็นเหมือนการทำข้อสอบจับผิดภาพ: นี่คือของจริง หรือเราเพิ่งกดไลก์ให้กับ AI ไป?

ความรู้สึกของการ “ถูกหลอก” นี้เอง ที่กำลังจุดชนวนวิกฤตศรัทธา และนำไปสู่การเปลี่ยนทิศทางลมของการตลาดโลก

ปี 2026 : เมื่อ ความเนี้ยบของ AI กลายเป็นขยะ จุดกำเนิดปีแห่งการตลาด ต่อต้าน AI Credit ภาพ AFP

2026: ปีแห่งการทวงคืน “ความเป็นมนุษย์ 100%”

ผมขอพยากรณ์ล่วงหน้าว่า ปี 2026 จะเป็นปีแห่งการตลาดแบบ “100% Human”

สัญญาณเตือนภัยดังขึ้นแล้วในหลายอุตสาหกรรม Sam Altman ซีอีโอ OpenAI เคยกล่าวไว้ว่างาน 95% ของเอเจนซี่โฆษณาสามารถทำได้โดย AI แต่คำถามที่ตามมาคือ ทำได้ กับ ทำแล้วเข้าถึงใจ นั้นเป็นเรื่องเดียวกันหรือไม่?

ผู้บริโภคเริ่มส่งเสียงตอบรับที่ชัดเจน ข้อมูลจาก Pew Research Center ระบุว่าชาวอเมริกัน 50% รู้สึกกังวลต่อ AI มากกว่าตื่นเต้น และ 57% มองว่ามันคือความเสี่ยงสูงต่อความสัมพันธ์ของมนุษย์ ในขณะที่งานวิจัยภายในของ iHeartMedia ยักษ์ใหญ่ด้านสื่อเสียง พบว่าผู้ฟังกว่า 90% ต้องการสื่อที่สร้างสรรค์โดยมนุษย์

“ผู้บริโภคไม่ได้มองหาแค่ความสะดวกสบาย แต่พวกเขากำลังค้นหา ‘ความหมาย’” — Bob Pittman, CEO ของ iHeartMedia

กรณีศึกษา: เมื่อแบรนด์ “เลือกข้าง”

ปรากฏการณ์นี้ทำให้เกิดการแบ่งขั้วที่ชัดเจน แบรนด์ที่กระโจนเข้าหา AI โดยไม่ยั้งคิดกำลังเผชิญกับแรงต้าน (Backlash) ในขณะที่แบรนด์ที่ชูจุดยืน “มนุษย์นิยม” กลับได้รับเสียงปรบมือ

  • ฝั่งที่เจ็บตัว:

Duolingo: ประกาศตัวเป็นองค์กร “AI First” และปลดพนักงานแปลภาษาจำนวนมาก สร้างความขุ่นเคืองให้ผู้ใช้ที่มองว่าบริษัทไม่เห็นค่าคน
Pinterest และ Selkie: แบรนด์แฟชั่นและแพลตฟอร์มแรงบันดาลใจที่เคยเป็นพื้นที่ของความสร้างสรรค์ ถูกวิจารณ์อย่างหนักเมื่อเริ่มนำ AI เข้ามาแทนที่ผลงานศิลปินจริง
"Friend": อุปกรณ์ AI สวมใส่ได้ที่นิวยอร์ก กลายเป็นเป้าของการระบายอารมณ์ ป้ายโฆษณาถูกพ่นสีทับด้วยข้อความ “AI ไม่ใช่เพื่อนแก” และ “หันไปคุยกับเพื่อนบ้านสิ”

  • ฝั่งที่ได้ใจ:

Dove: ประกาศแคมเปญ “Real Beauty” ย้ำจุดยืนจะไม่ใช้ AI สร้างภาพผู้หญิง เพื่อต่อสู้กับมาตรฐานความงามที่บิดเบี้ยว
Aerie: แบรนด์ชุดชั้นในที่สัญญาว่าจะ “ไม่รีทัช ไม่ใช้ AI” ส่งผลให้ยอด Engagement พุ่งสูงขึ้น 75% ภายในสัปดาห์เดียว
Heineken: ใช้จังหวะที่อุปกรณ์ "Friend" ถูกต่อต้าน ปล่อยโฆษณาที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังว่า “วิธีหาเพื่อนที่ดีที่สุดคือการดื่มเบียร์ด้วยกัน” เป็นการตอกย้ำว่าประสบการณ์ในโลกจริงย่อมดีกว่าโลกเสมือน ของ AI 

ทางรอดของแบรนด์ในยุค “Post- AI Hype”

การก้าวเข้าสู่ปี 2026 ไม่ได้หมายความว่าแบรนด์ต้องโยนคอมพิวเตอร์ทิ้งแล้วกลับไปใช้พิมพ์ดีด การต่อต้าน AI ในเชิงการตลาด (Anti-AI Marketing) ไม่ใช่การปฏิเสธเทคโนโลยี แต่คือการ “บริหารจัดการความจริงใจ”

นี่คือสิ่งที่แบรนด์ต้องตระหนัก:

ความสมบูรณ์แบบคือความน่าสงสัย : ผู้บริโภคเริ่มมองว่าสิ่งที่ดูสมบูรณ์แบบเกินจริง (Hyper-perfect) นั้น “ปลอม” ความไม่สมบูรณ์แบบของมนุษย์ (Human Flaw) กลายเป็นเสน่ห์และความน่าเชื่อถือใหม่
Human Front, AI Back Office: กลยุทธ์ที่ฉลาดที่สุดคือการให้มนุษย์เป็น “หน้าบ้าน” ในการสื่อสารและสร้างสรรค์งานศิลปะ เพื่อรักษาจิตวิญญาณของแบรนด์ ในขณะที่ผลักดัน AI ไปอยู่ “หลังบ้าน” เพื่อจัดการข้อมูล โลจิสติกส์ และงานซ้ำซาก
ความโปร่งใส : หากจะใช้ AI ต้องบอกให้ชัด แบรนด์ที่พยายามเนียนหรือหลอกผู้บริโภค จะสูญเสียสิ่งที่กู้คืนยากที่สุด นั่นคือ “ความไว้วางใจ”


แม้ Wall Street จะยังคงพร่ำเพ้อถึงผลิตผลอันไร้ขีดจำกัดของ AI แต่ในระดับภาคประชาชน เรากำลังเริ่มเห็นอาการ “สำลัก” เทคโนโลยี ศิลปินสร้างเครื่องมือกรองผลการค้นหาเว็บให้เหลือแต่ข้อมูลก่อนปี 2022 เพื่อหนีจาก Slop และผู้คนเริ่มโหยหาลายมือมนุษย์

ปี 2026 จึงอาจไม่ใช่ปีแห่งสงครามระหว่าง คน กับ เครื่องจักร แต่จะเป็นปีที่มนุษย์ขีดเส้นแบ่งที่ชัดเจนว่า “พื้นที่ไหนคือที่ของเทคโนโลยี และพื้นที่ไหนคือที่ศักดิ์สิทธิ์ของจิตวิญญาณมนุษย์”

คำถามสำหรับนักการตลาดในปีข้างหน้าจึงไม่ใช่ “เราจะใช้ AI อย่างไรให้คุ้มค่าที่สุด” แต่คือ “เราจะรักษาความเป็นมนุษย์อย่างไร ในวันที่ AI ทำแทนเราได้เกือบทุกอย่าง”

ที่มา : businessinsider martech.org  professional.dce.harvard.edu cnn

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 


 

related