svasdssvasds

สรุปให้ Nano Banana Pro เขย่าวงการฟอนต์ไทย ด้วยภาพที่ คล้าย ฟอนต์ดัง ผิดหรือไม่ ?

สรุปให้ Nano Banana Pro เขย่าวงการฟอนต์ไทย ด้วยภาพที่ คล้าย ฟอนต์ดัง ผิดหรือไม่ ?

เมื่อเทคโนโลยีปะทะลิขสิทธิ์ : AI "Nano Banana Pro" เขย่าวงการฟอนต์ไทย ด้วยภาพที่ "หน้าเหมือน" ฟอนต์ดัง จริงๆแล้ว มันผิดไหม ?

เมื่อ Google เปิดให้ทดลองโมเดลสร้างภาพ “Nano Banana Pro” มันกลายเป็นของเล่นใหม่ของสายครีเอทีฟทันที แต่ในอีกฟากหนึ่งของอุตสาหกรรม คนที่เริ่มหนาว ๆ ร้อน ๆ คือ “นักออกแบบฟอนต์”

ช่วงไม่กี่วันมานี้ คนทำฟอนต์ไทยสังเกตตรงกันว่า แค่ใส่คำสั่งกว้าง ๆ เช่น “ฟอนต์ทันสมัย”, “ฟอนต์ลายมือชิล ๆ”, “ฟอนต์น่ารัก ๆ” ภาพที่ AI เจนออกมามักได้ตัวอักษรที่ “ละม้ายคล้าย” ฟอนต์ไทยยอดนิยมที่มีเจ้าของ หลายชุดต้องซื้อไลเซนส์ก่อนใช้เชิงพาณิชย์ จนเกิดคำถามสำคัญว่า  ถ้าไม่ได้ลงไฟล์ฟอนต์เอง แต่ภาพจาก AI ดัน “ติดหน้า” ฟอนต์ลิขสิทธิ์ แบบนี้ใครกำลังเสี่ยงผิดกฎหมายกันแน่?

ฟอนต์: จากตัวหนังสือสู่งานออกแบบมีลิขสิทธิ์ 

ตามหลักกฎหมาย ฟอนต์ถือเป็น “งานออกแบบ” ที่มีลิขสิทธิ์ ไม่ใช่แค่ตัวอักษรบนจอ เจ้าของฟอนต์ถือสิทธิ์ในไฟล์โปรแกรมและกำหนดเงื่อนไขผ่าน License ซึ่งโดยทั่วไปแบ่งได้คร่าว ๆ เป็น

ใช้ฟรีในงานส่วนบุคคล – รายงาน งานส่วนตัว คลิปที่ไม่หารายได้
ใช้ฟรีเชิงพาณิชย์แบบจำกัด – บางค่ายให้ใช้ทำโลโก้หรือกราฟิกได้ แต่ต้องอ่านเงื่อนไขละเอียด

ต้องซื้อ Commercial License – งานโฆษณา แคมเปญ แบรนด์ องค์กรขนาดใหญ่
ตัวอย่างเช่น UID Deepsea เปิดให้ใช้ฟรีในงานส่วนตัว แต่หากนำไปใช้หารายได้ ต้องซื้อหรือตอบแทนผ่านช่องทางทางการ กติกาจึงชัดเจนว่า เมื่อภาพจาก AI เริ่ม “หน้าเหมือน” ฟอนต์ดัง คำถามเรื่องลิขสิทธิ์เลี่ยงไม่ได้ทันที
เมื่อ AI เจนภาพ แต่ตัวอักษรไปเหมือนฟอนต์จริง
 

กรณี Nano Banana Pro ทำให้ค่ายฟอนต์ไทยหลายรายต้องออกมาพูดชัด

Fontcraft พบว่าภาพจาก AI หลายใบมีตัวอักษรคล้าย FC Iconic จึงย้ำว่า

ลิขสิทธิ์และสัญญาอนุญาตยังเป็นของ Fontcraft

งานส่วนตัวพอ “อนุโลมได้” แต่ งานเชิงพาณิชย์ต้องซื้อหรือตอบแทนตาม License ตามเดิม

UID Font ตั้งคำถามตรง ๆ ว่า “ฟอนต์ลิขสิทธิ์ที่ไปโผล่ในภาพ AI ผิดหรือไม่” ก่อนสรุปว่าให้ยึด License เป็นหลัก พร้อมโพสต์ตัวอย่างภาพจาก Nano Banana Pro ที่ “หน้าเหมือน” UID Deepsea จนเจ้าของจำได้ทันที และย้ำว่า การใช้ AI ต้องมาพร้อมความเข้าใจเรื่องลิขสิทธิ์
DB Font เจอเคสภาพจาก AI คล้าย DB Heavent ซึ่งเป็นฟอนต์ที่ “ขายอย่างเดียว ไม่เคยแจกฟรี” จนต้องออกประกาศห้ามนำฟอนต์ DB ไปใช้ผ่าน AI โดยไม่ซื้อลิขสิทธิ์ พร้อมเตือนจะดำเนินคดีหากพบการละเมิด

‘Nano Banana Pro’ สะเทือนวงการฟอนต์ไทย เมื่อภาพจาก AI ดัน “หน้าเหมือน” ฟอนต์ติดลิขสิทธิ์

ในมุมของนักออกแบบ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่มนุษย์ “ก็อปโต้ง ๆ” เพราะยังมีความรู้สึกผิดชอบอยู่ แต่ AI ถูกเทรนจากตัวอย่างจำนวนมาก แล้วปั่นลายเส้นออกมาให้ “คล้ายต้นฉบับ” โดยไม่รู้จักคำว่าเคารพงานออกแบบ คำถามจึงขยายไปไกลกว่าเดิมว่า นี่คือ “อ้างอิงสไตล์” หรือ “ก็อปหน้าตา” กันแน่

ฟอนต์บนภาพ AI ผิดหรือไม่: ขึ้นกับที่มาและการใช้

จากมุมคนทำฟอนต์และกฎหมายดิจิทัล สามารถสรุปสั้น ๆ ได้ว่า

1. ฟอนต์ = งานมีลิขสิทธิ์
ฟอนต์คือ “งานออกแบบตัวอักษร”
เจ้าของถือสิทธิ์เหนือไฟล์หรือชุดดาต้าฟอนต์
การนำไปใช้หารายได้โดยไม่ตรงตามเงื่อนไข มีความเสี่ยงผิดลิขสิทธิ์

2. แล้วถ้าโผล่บนภาพจาก AI ล่ะ?
ให้ถามตัวเองสองชั้น
- ที่มา
ถ้าพิมพ์ชื่อฟอนต์ลงใน prompt ทั้งที่ไม่ได้ซื้อไลเซนส์ → เสี่ยงสูง
ถ้าอัปโหลดไฟล์ฟอนต์หรือภาพเพื่อให้ AI “ก็อป” โดยตรง → เสี่ยงสูง

- การใช้
ใช้ส่วนตัว ไม่หารายได้ → เสี่ยงต่ำ แต่อย่าลืมเช็ก License
ใช้เชิงพาณิชย์ เช่น โลโก้ แบรนด์ โฆษณา สินค้า → ถ้า License ไม่อนุญาต การนำภาพ AI ที่หน้าตาฟอนต์เหมือนของจริงไปใช้ ถือว่า “ผิดเงื่อนไขการใช้งานฟอนต์”

ใจความสำคัญคือ การผ่าน AI ไม่ได้เปลี่ยนสถานะฟอนต์ ฟอนต์ยังเป็นงานลิขสิทธิ์ชุดเดิม กติกายังเหมือนเดิม เพียงแค่ตัวกลางเปลี่ยนจากโปรแกรมกราฟิก มาเป็นโมเดลเจนภาพเท่านั้น

ทางรอดของครีเอเตอร์: ใช้ AI อย่างไรไม่ผูกคอตัวเองกับคดีฟอนต์

ในวันที่กฎหมายยังวิ่งตามเทคโนโลยีไม่ทัน คนทำคอนเทนต์ยังพอ “ลดความเสี่ยง” ได้ด้วยบางหลักง่าย ๆ

- เลือกฟอนต์ที่รู้ที่มา และเปิดใช้เชิงพาณิชย์ชัดเจน
- เขียน prompt ให้ชัดว่าต้องการตัวอักษรที่สร้างใหม่ ไม่อ้างอิงฟอนต์จริง
- งานที่เกี่ยวกับแบรนด์ โลโก้ แคมเปญ หรือสินค้า → ต้องคิดเรื่อง License เสมอ
- ถ้าไม่มั่นใจ ส่งให้คนในวงการฟอนต์ช่วยดู ยังถูกกว่าต้องไปเคลียร์คดีทีหลัง

กรณี Nano Banana Pro จึงไม่ใช่แค่ดราม่าชั่วคราว แต่กำลังบอกเราว่า “หน้าตาฟอนต์” จะกลายเป็นสมรภูมิใหม่ของสงครามลิขสิทธิ์ยุค AI และจนกว่ากติกาจะชัด การรู้เท่าทันลิขสิทธิ์ฟอนต์ และใช้ AI อย่างมีสติ คงเป็นเกราะชั้นแรกที่คนทำคอนเทนต์ทุกคนต้องใส่เองตั้งแต่ตอนนี้

ที่มา : uidcreators builtin copyright.gov  nixonpeabody reuters

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related