svasdssvasds

Ford ปลดพนักงาน 8,000 คน ผันตัวพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า EV เต็มรูปแบบ

Ford ปลดพนักงาน 8,000 คน ผันตัวพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า EV เต็มรูปแบบ

นับเป็นข่าวใหญ่ของวงการรถยนต์เนื่องจาก Ford ได้ปลดพนักงานกว่า 8,000 คน ปรับแผนการลงทุนมุ่งไปพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า EV รวมถึงมีข่าวเกี่ยวกับการพัฒนาแบตเตอรี่เพิ่มในไลน์ผลิต

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้อาจทำให้พนักงาน Ford กว่า 8,000 คนต้องตกงาน เนื่องจากบริษัทต้องการลดค่าใช้จ่ายโรงงานบริษัทรถสันดาปหรือรถน้ำมัน เพื่อนำไปมุ่งหน้าพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันโรงงานผลิตรถยนต์ประเภทสันดาปมีพนักงานกว่า 31,000 คนเลยทีเดียว

ล่าสุดบริษัทฟอร์ดได้เพิ่มงบลงทุนพัฒนารถยนต์ไฟฟ้ามากถึง 50 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และยังได้มีข่าวสารเกี่ยวกับการจัดหาแบตเตอรี่เพื่อส่งมอบและผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในอัตรา 600,000 คันต่อปี ภายในปี 2023

และฟอร์ดได้คู่ค้าเป็นยักษ์ใหญ่ด้านการผลิตแบตเตอรี่ของจีน ‘Contemporary Amperex Technology’ ซึ่งคาดว่าจะสามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้จำนวน 2 ล้านคันต่อปี ภายในปี 2026 นี้

ฟอร์ดได้พัฒนาแบตเตอรี่ แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟต (LFP) ร่วมกับ Conremporary Amperex Techonology ที่มีราคาถูก ไว้ในรถยนต์ Mustang Mach-E และ F-150 Lightning ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ถึง 10-15% และจะทำให้ลดปัญหาการขาดแคลนนิกเกิลและแร่ธาตุที่จำเป็นของแบตทั่วไปในอนาคต

และยังไม่พอฟอร์ดยังได้เตรียมแผนสำรองโดยติดต่อคู่ค้าเพื่อสำรองแบตเตอรี่ไว้กับ งก็คือบริษัทเกาหลี LG Energy Solution และ SK On เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการผลิตในช่วงปลายปี 2023 และเพื่อช่วยให้ได้รับรถยนต์ไฟฟ้าอย่างน้อย 2 ล้านคันต่อปีภายในปี 2026 นั่นเอง

เรียกได้ว่าฟอร์ดนั้นต้องการทำตามแผนที่ปี 2023 จะต้องมีรถฟอร์ดประเภทไฟฟ้า 100% หรือ BEV วิ่งอยู่บนถนนทั่วโลกอย่างแน่นอน และพวกเขาต้องการที่จะไม่มีปัญหาเหมือนค่ายอื่นๆที่ขาดแคลนแบตเตอรี่และไม่สามารถส่งมอบรถได้นั่นเอง

ข่าวสารเหล่านี้ทำให้เราเห็นภาพรวมที่ฟอร์ดตั้งใจจะพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าอย่างจริงจัง และรถยนต์ Ford Ranger หรือ Ford Everest ที่คนไทยชื่นชอบก็ได้ถูกวางแผนที่จะเปลี่ยนแปลงไปใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่ปี 2022 แล้ว สำหรับใครที่รอกระบะพลังงานไฟฟ้าอยู่ก็เตรียมตัวได้เลย เพราะปีหน้าน่าจะได้เห็นรถยนต์ใหม่ๆของฟอร์ดในรูปแบบไฟฟ้าออกมาอย่างแน่นอน

related