svasdssvasds

ยอมไหม ? ซื้อรถยนต์แล้ว “ต้องจ่ายเพิ่ม” เพื่อใช้งาน Full-Option

ยอมไหม ? ซื้อรถยนต์แล้ว “ต้องจ่ายเพิ่ม” เพื่อใช้งาน Full-Option

ซื้อรถยนต์เป็นล้าน คุณยอมไหม ถ้าจะจ่ายเพิ่มรายเดือนแบบ Netflix เพื่อให้ได้ใช้งานแบบ Full Option ได้เบาะอุ่น , ไฟสูงอัตโนมัติ , แผนที่ในรถที่อัปเดตตลอดเวลา ผลสำรวจพบ 75% บอก ฝันไปเถอะ!

เมื่อรถแพง แต่กำไรน้อย ผู้ผลิตรถยนต์จึงสรรหาวิธีใหม่ ๆ ในการเพิ่มรายได้ จนบางครั้งอาจจะน่ากังวลสักหน่อย ล่าสุด BMW ออกโมเดลธุรกิจใหม่ ให้ลูกค้าจ่ายเงินแบบ Microtransactions หรือการจ่ายเงินภายในแอปฯ เพื่อให้ได้ฟังค์ชั่นพิเศษต่าง ๆ

โมเดลธุรกิจของ BMW ที่สื่อต่างประเทศ รายงาน คือ การสมัครสมาชิกแบบรายเดือน เพื่อให้เบาะนั่งด้านหน้าของ BMW ใช้งานฟังค์ชั่นอุ่นได้(นึกภาพว่าถ้าไม่มีฟังค์ชั่นนี้แล้วเราอยู่ในประเทศที่อุณหภูมิ ติดลบ-หิมะตก) ค่าใช้จ่ายประมาณ 18 ดอลลาร์(ประมาณ 660 บาท) โดยมีตัวเลือกในการสมัครหนึ่งปี 180 ดอลลาร์ , สามปี 300 ดอลลาร์ หรือจ่ายตลอดชีพในราคา 415 ดอลลาร์ (ประมาณ 15,200 บาท)

ซึ่งจากเว็บไซต์ของ BMW ประเทศไทยเอง ก็มีระบบที่สามารถจ่ายรายเดือนได้ เช่น ระบบบันทึกกล้องของรถ , ระบบช่วยขับขี่แบบเสริมที่มากกว่าที่ให้มาในรถ , จ่ายเพิ่มเพื่อแผนที่การจราจรในรถ และระบบไฟสูงอัตโนมัติ

ระบบจ่ายรายเดือนเพื่อใช้งานระบบเสริมต่าง ๆ ในรถยนต์จากเว็บไซต์ BMW.co.th

เว็บไซต์ The Verge เขียนวิเคราะห์ไว้ว่า โลกอนาคตอาจไม่น่าอยู่ เมื่อผู้ผลิตต่างพยายามบังคับให้เราเสียเงินกับ “สิ่งที่มันเคยฟรีอยู่แล้ว”

โมเดลนี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะค่าย BMW ที่ทำออกมา แต่ Volkswagen, Toyota, Audi, Porsche และ Tesla ก็มีอะไรแบบนี้

ก่อนหน้านี้ Cox Automotive สำรวจความคิดเห็นของคน 217 คน ที่วางแผนจะซื้อรถในอีก 2 ปีข้างหน้า พบว่า มีเพียง 25% เท่านั้นที่ยอมจ่าย ส่วนอีก 75% นั้นบอกว่า “ฝันไปเถอะ” โดยส่วนที่เห็นด้วยบอกว่า ถ้าเป็นเรื่องความปลอดภัยเสริม เช่น ระบบบังคับให้รถอยู่ในเลนถนน , ระบบเบรคฉุกเฉิน พวกเขายอมจ่าย

อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง

สำหรับคนทั่วไป โมเดลธุรกิจแบบสมัครสมาชิก อาจจะไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายหลัก แต่มุ่งเน้นไปที่กลุ่มคนที่ใช้ “รถหรู” เป็นหลัก อย่างไรก็ตามก็ไม่ได้แปลว่า คนทั่วไปจะไม่โดน เพราะรถในอนาคตจะเป็นรถที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต หรือ เชื่อมต่อมือถือ ดังนั้นมันอาจใกล้เข้ามาในไม่ช้า

ถามว่ามันเป็นเรื่องที่ผิดไหมที่ค่ายรถยนต์จะทำแบบนี้ ก็ต้องย้อนมองว่าในทางกฎหมาย ถ้ารถสามารถทำได้ตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด เช่นระบบความปลอดภัน ระบบการขับขี่ มันก็ไม่ผิดกฎหมาย แต่ถามว่าเราจะยอมหรือไม่ ? แล้วถ้าเขาทำกันทุกค่าย เราจะเลือกอะไรได้หรือไม่ ?