svasdssvasds

เมืองในสหรัฐฯประกาศ ภาวะฉุกเฉิน เมื่อการประท้วงตำรวจใช้ความรุนแรงเริ่มเป็นจลาจล

เมืองในสหรัฐฯประกาศ ภาวะฉุกเฉิน เมื่อการประท้วงตำรวจใช้ความรุนแรงเริ่มเป็นจลาจล

หลายเมืองในสหรัฐฯต้องประกาศ ภาวะฉุกเฉิน และบังคับใช้เคอร์ฟิว หลังการประท้วงเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความรุนแรง เริ่มกลายเป็นการก่อเหตุจลาจลทำลายทรัพย์สิน

ผู้ประท้วงในเมืองมินนีแอโพลิส รัฐมินเนโซต้า ของสหรัฐฯ ออกมาประท้วงเป็นคืนที่ 4 แล้ว แม้ว่านายกเทศมนตรีจะประกาศ ภาวะฉุกเฉิน และบังคับใช้เคอร์ฟิวก็ตาม

มาตรการเคอร์ฟิวถูกประกาศใช้ในมินนีแอโพลิสช่วงเวลา 20.00 - 6.00 น. หลังเหตุประท้วงตำรวจใช้ความรุนแรงบานปลายจนกลายเป็นเหตุจลาจล มีรายงานการทำลายทรัพย์สิน ปล้นร้านค้า จุดไฟเผาอาคาร ฯลฯ

สถานีข่าวท้องถิ่นรายงานผู้ประท้วง จุดไฟเผาถังขยะ เฟอร์นิเจอร์ และสิ่งของหลายอย่างในย่านที่อยู่อาศัยใกล้อาคารที่ทำการตำรวจ

Security Check Required

null

การประท้วงเกิดจากตำรวจในเมืองมินนีแอโพลิสใช้ความรุนแรง ขณะเข้าจับกุมชายผิวดำคน ชื่อ จอร์จ ฟลอยด์ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่าน โดยใช้เข่ากดลงที่คอของฟลอยด์ ฟลอยด์ร้องขอว่าเขาหายใจไม่ออกหลายครั้ง แต่ตำรวจยังคงใช้กำลัง จนฟลอยด์เสียชีวิตในเวลาต่อมา และเจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าวถูกจับกุมในข้อหาฆาตรกรรมโดยไม่ได้เจตนา

คณะที่ผู้ว่าการรัฐมิน้นโซตา ทิม วอลซ์ กล่าวว่าสถานการณ์ในรัฐตอนนี้ไม่เกี่ยวกับการเสียชีวิตของฟลอยด์ หรือความเหลื่อมล้ำแล้ว นี่เป็นการโจมตีประชาสังคมและสร้างความหวาดกลัว

ที่ด้านหน้าทำเนียบขาวในกรุงวอชิงตัน ก็มีผู้คนมารวมตัวประท้วงตั้งแต่คืนวันศุกร์จนถึงรุ่งสาง มีการปะทะกับเจ้าหน้าที่เล็กน้อย

ขณะที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ทวีตข้อความว่า กลุ่มคนที่มาประท้วง ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับ จอร์จ ฟลอยด์ พร้อมทั้งชื่นชมเจ้าหน้าที่ความมั่นคงทำเนียบขาวว่าทำงานอย่างมืออาชีพ

https://twitter.com/realdonaldtrump/status/1266731291917062145?s=21

ด้านนายกเทศมนตรีเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน นายเท็ด วีลเลอร์ ได้ประกาศ ภาวะฉุกเฉิน หลังเกิดเหตุไม่สงบในเมือง พร้อมทั้งบังคับใช้เคอร์ฟิว ต้องแต่ช่วงค่ำวันศุกร์ (เวลาท้องถิ่น) จนถึง 6.00น วันรุ่งขึ้น และจะเริ่มอีกครั้ง คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันอาทิตย์

“การเผาตึกที่มีคนอยู่ข้างใน การขโมยของจากธุรกิจทั้งเล็กและใหญ่ การข่มขู่และทำร้ายนักข่าว” “ทั้งหมดเกิดขึ้นระหว่างโรคระบาดที่คนได้สูญเสียทุกอย่าง นี่ไม่เรียกว่าการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมายในชุมชนของเรา นี่เป็นสิ่งที่น่าขยะแขยง” วีลเลอร์ทวีต

related