svasdssvasds

10 ประเทศ โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ มากที่สุด ทั่วทุกมุมโลก

10 ประเทศ โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ มากที่สุด ทั่วทุกมุมโลก

ชวนดูประเทศที่มีโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่มีมากที่สุดในโลก ณ เวลานี้ จากการรวบรวมของ JustPow เป็นการร่วมกันขององค์กรที่ทำงานด้านข้อมูล องค์ความรู้ การสื่อสารในด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นแพลตฟอร์มในการสื่อสารประเด็นเรื่องพลังงานในประเทศไทย

SHORT CUT

  • JustPow ที่พาไปสำรวจ จำนวนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ทั่วโลก ณ เวลานี้ มีอยู่ทั่วทุกมุมโลก
  •  จำนวนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั่วโลก ในปี 2023 ทั่วโลกมี 33 ประเทศที่มีโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ 
  • โดย 5 ประเทศ ที่มี จำนวนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ มากที่สุด ได้แก่ สหรัฐฯ  94 โรง , ฝรั่งเศส 56 โรง , จีน 55 โรง , รัสเซีย 36 โรง , ญี่ปุ่น 33 โรง  

ชวนดูประเทศที่มีโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่มีมากที่สุดในโลก ณ เวลานี้ จากการรวบรวมของ JustPow เป็นการร่วมกันขององค์กรที่ทำงานด้านข้อมูล องค์ความรู้ การสื่อสารในด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นแพลตฟอร์มในการสื่อสารประเด็นเรื่องพลังงานในประเทศไทย

ชวนดูประเทศที่มีโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่มีมากที่สุดในโลก ณ เวลานี้  จากการรวบรวมของ JustPow เป็นการร่วมกันขององค์กรที่ทำงานด้านข้อมูล องค์ความรู้ การสื่อสารในด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นแพลตฟอร์มในการสื่อสารประเด็นเรื่องพลังงานในประเทศไทย โดยมี Rocket Media Lab เป็นผู้ทำงานด้านข้อมูลและการสื่อสาร

ข้อมูลจาก JustPow ที่พาไปสำรวจ จำนวนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ทั่วโลก ณ เวลานี้ มีอยู่ทั่วทุกมุมโลก , ซึ่งในเวลาเดียวกันนี้ ประเทศไทย ก็มีกระบวนการพูดคุยและมีแนวคิดจะมี การผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ มาเกิน 60 ปีแล้ว แต่ก็ยังไม่มี โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เลย , ส่วนในทั่วทุกมุมโลกนั้น มีการ พึ่งพาโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เพิ่มมากขึ้น

10 ประเทศ โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ มากที่สุด ทั่วทุกมุมโลก

[จำนวนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั่วโลก มีจำนวน เท่าไร ? ]

ณ เข็มนาฬิกาเดินอยู่ ณ ปี 2024 ตอนนี้ เมื่อมองไปที่ตัวเลขสถิติ จำนวน โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั่วโลก ในปี 2023 ทั่วโลกมี 33 ประเทศที่มีโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ โดยในจำนวนนี้มี 1 ประเทศ คือ เยอรมนี ที่ประกาศปิดโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ตั้งแต่เดือนเมษายน 2023 นอกจากนี้ ยังมีอีก 7 ประเทศที่มีแผนจะก่อสร้างในอนาคต

จากข้อมูลของสมาคมนิวเคลียร์สากล (World Nuclear Association) กำลังการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ปี 2022 ทั้งหมด 33 ประเทศ สหรัฐอเมริกามีกำลังการผลิตไฟฟ้ามากเป็นอันดับที่ 1 อยู่ที่ 96,952 เมกะวัตต์ อันดับ 2 ฝรั่งเศส 61,370 เมกะวัตต์ อันดับ 3 จีน 53,307 เมกะวัตต์ อันดับ 4 ญี่ปุ่น 31,679 เมกะวัตต์ และอันดับ 5 รัสเซีย 26,802 เมกะวัตต์

 

10 ประเทศ โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ มากที่สุด ทั่วทุกมุมโลก

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาเฉพาะจำนวน โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์พบว่า สหรัฐอเมริกา มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์มากที่สุด โดย 10 อันดับ 10 ประเทศ โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ มากที่สุด มีดังนี้ 

สหรัฐฯ  94 โรง      กำลังการผลิตไฟฟ้า  96,952 เมกะวัตต์
ฝรั่งเศส 56 โรง    กำลังการผลิตไฟฟ้า 61,370 เมกะวัตต์
จีน 55 โรง  กำลังการผลิตไฟฟ้า 53,307  เมกะวัตต์ 
รัสเซีย 36 โรง  กำลังการผลิตไฟฟ้า 26,802 เมกะวัตต์
ญี่ปุ่น 33 โรง  กำลังการผลิตไฟฟ้า 31,679  เมกะวัตต์
เกาหลีใต้ 26 โรง กำลังการผลิตไฟฟ้า  25,825  เมกะวัตต์ 
อินเดีย 23 โรง กำลังการผลิตไฟฟ้า 7,425  เมกะวัตต์
แคนาดา 19  โรง   กำลังการผลิตไฟฟ้า 13,624  เมกะวัตต์
ยูเครน 15  โรง  กำลังการผลิตไฟฟ้า 13,107  เมกะวัตต์
สหราชอาณาจักร 9 โรง  กำลังการผลิตไฟฟ้า 5,883  เมกะวัตต์

อย่างไรก็ตาม หากพลิกมุมมาดูที่ แต่ละประเทศใช้พลังงานนิวเคลียร์เป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของกำลังผลิตไฟฟ้า นั่นจะพบว่า ฝรั่งเศส เป็นประเทศที่มีเปอร์เซ็นต์สูงสุด โดยคิดเป็น 62.5 % อันดับ 2 ได้แก่ประเทศ สโลวาเกีย ซึ่งเป็นประเทศเล็กๆในยุโรปตะวันออก ที่ใช้ พลังงานนิวเคลียร์ ราวๆ 59.2 % 

โดย 10 อันดับแรกของประเทศใช้พลังงานนิวเคลียร์เป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของกำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศนั้นๆ  มีดังนี้ 

  1. ฝรั่งเศส 62.5 % 
  2. สโลวาเกีย 59.2% 
  3. ฮังการี 47% 
  4. เบลเยียม 46.4% 
  5. สโลวีเนีย 42.6 %
  6.  สาธารณรัฐเช็ก 36.7% 
  7.  สวิตเซอร์แลนด์ 36.4 %
  8. ฟินแลนด์ 35 %
  9. บัลแกเรีย 32.6 %
  10. อาร์เมเนีย 31 %

ขณะที่ รัสเซีย รั้งอันดับ 14 ใช้พลังงานนิวเคลียร์ 19.6 % , สหรัฐฯ อันดับ 16 ใช้พลังงานนิวเคลียร์ 18.2 % ของประเทศ 

ทั้งนี้ จะสังเกตได้ว่า ประเทศที่มีขนาดเล็กๆ ในยุุโรปตะวันออก จะใช้พลังงานนิวเคลียร์ คิดเป็นเปอร์เซ็นต์จำนวนมาก นั่นหมายความว่า แค่มีโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ก็สามารถ ครอบคลุมการผลิตได้ในวงกว้างแล้ว , ส่วนประเทศใหญ่ๆ อย่างสหรัฐฯ หรือ รัสเซีย ที่ไม่ติดเข้ามาอยู่ใน ท็อป 10 นั่นเพราะประเทศมีขนาดใหญ่ ทำให้สัดส่วนเปอร์เซ็นต์เหลือน้อยลง และ ก็ใช้การผลิตไฟฟ้าทางอื่นๆด้วย 
  
เหตุผลที่โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ได้รับความสนใจจากหลายประเทศ รวมถึงในไทยด้วย ซึ่งมีการพูดคุยดำเนินการเรื่อยมา  เนื่องจากถูกมองว่าแร่ยูเรเนียมเป็นแหล่งเชื้อเพลิงที่มั่นคงและพึ่งพาได้กว่าพลังงานจากก๊าซฟอสซิลหรือน้ำมัน ซึ่งมีราคาและปริมาณไม่แน่นอน และเป็นแหล่งเชื้อเพลิงที่หมดไปในอนาคต นอกจากนี้ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ยังไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกที่ส่งผลต่อสภาวะโลกร้อน

เมื่อย้อนกลับไปยังระยะแรกที่มีการใช้โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ทศวรรษ 2500 เป็นต้นมา จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์โรงไฟฟ้าเชอร์โนบิล สหภาพโซเวียตระเบิดในปี 2529 จำนวนโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์มีแนวโน้มลดลง

[ ยุโรป พึ่งพาโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เพิ่มมากขึ้น]

แต่ในทางกลับกัน  น่าสนใจว่า ยุโรปเริ่มกลับมาพึ่งพาโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เพิ่มมากขึ้น ปัจจุบัน ไฟฟ้าเกือบ 10% ในสหภาพยุโรปมาจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ โดยในระหว่างปี 2548 และ 2549 อาจจะนับได้ว่าเป็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดด เมื่อสัดส่วนเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าจากนิวเคลียร์เพิ่มจาก 6.7% ในปี 2548 เป็น 29.5% ในปี 2549 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์คิดเป็นสัดส่วนมากที่สุด ขณะเดียวกันก็มีหลายประเทศที่เลิกใช้ เช่น อิตาลี ปิดโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ภายในปี 2533 หลังมีการทำประชามติ 

เยอรมนี เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย ทำให้เปลี่ยนท่าที 

อย่างไรก็ตาม ในเยอรมนี หลังจากที่ใช้โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์มานานกว่า 60 ปี เยอรมนีปิดโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ทุกแห่งเมื่อวันที่ 15 เม.ย.2566 เยอรมนีเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์ Kahl เพื่อผลิตไฟฟ้าในปี 2504 ต่อมาจากสถานการณ์วิกฤตน้ำมันในช่วงทศวรรษ 2510 ทำให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขยายตัวและได้รับการยอมรับจากสาธารณชน จนทศวรรษ 2530 ไฟฟ้ามากกว่าหนึ่งในสามของประเทศมาจากเครื่องปฏิกรณ์ 17 เครื่อง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related