
บทความนี้สำหรับคนที่อยากเป็นนักเขียน SPRiNG ชวนไปดูเคล็ดลับการเขียนจากนักเขียนระบือนาม Stephen King ผู้เชื่อว่าวินัยสำคัญกว่าแรงบันดาลใจ
Stephen King เคยกล่าวเอาไว้ว่า “พวกนักเขียนมือสมัครเล่น มัวแต่นั่งรอแรงบันดาลใจ” หมายความว่ามัวแต่วางโครงคิดพล็อตจนไม่ได้เรียนเขียนจริง ๆ จัง ๆ สักที ซึ่งสิ่งนี้สตีเฟน คิง บอกว่าเป็นพฤติกรรมที่ต้องปรับ หากคุณคิดจะเลี้ยงปากท้องด้วยอาชีพนักเขียน
นับแต่เขียนนวนิยายเรื่องแรกในชีวิตเมื่อปี 1974 เรื่อง Carrie ปัจจุบัน งานเขียนของ Stephen King ถูกนำไปดัดแปลงเป็นภาพยนตร์แล้วมากกว่า 100 เรื่อง กางรายชื่อออกมาดูแล้วก็คุ้นตากันเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น The Shawshank Redemption, The Shining, IT, Stabd by Me หรือ The Green Mile
คือแทบทุกปี จะมีหนังที่สร้างจากงานเขียนของเขาออกฉายในโรงให้เราดู อย่างในปีนี้ก็มีถึง 4 เรื่อง ได้แก่ The Monkey, The Running Man, IT และ Long walk นั่นแปลว่านอกจากเขาเป็นคนมีพรสวรรค์ในการเขียนแล้ว เขาต้องฝึกวินัย เพื่อเขียนงานออกสู่สายตานักอ่านอย่างสม่ำเสมอ
ในหนังสือ ‘On Writing : เวทมนตร์ฉบับพกพา’ ของสำนักพิมพ์ Merry Go Round ซึ่งเป็นหนังสือคายตะขาบ รวมถึงทรงจำของชีิวิตตั้งแต่วัยเยาว์ที่ประกอบสร้างให้เขากลายมาเป็นนักเขียน เช่น แม่ของสตีเฟน คิง เป็นคนชอบอ่านหนังสือมาก เขาจึงกลายเป็นคนรักการอ่านไปโดยปริยาย
อีกหนึ่งพาร์ทของหนังสือ Stephen King เขียนแชร์เคล็ดลับที่ทำให้เขาเขียนหนังสือออกมาได้ (ทั้งชีวิต) ซึ่งวันนี้เราจะสรุปมาให้ชาว SPRiNG ได้อ่านกัน บอกเลยว่ามันไม่ใช่เรื่องสไตล์การเขียน แต่เป็นเรื่องการสร้างสภาพแวดล้อม
“ถ้าคุณอยากเป็นนักเขียน มี 2 อย่างที่คุณจะต้องทำมากกว่าคนอื่น 1 อ่านให้มาก และ 2 เขียนให้มาก เท่าที่ผมรู้ ไม่มีหนทางอื่นได้อีกแล้วนอกจากนี้ และก็ไม่มีทางลัดด้วย”
นักเขียนมืออาชีพหลายคนบอกตรงกันว่า ‘การเขียนคือการคิด’ ก่อนอื่นคุณสนใจอะไรก็เขียนสิ่งนั้น Stephen King บอกว่าในดราฟต์แรกให้เขียนทุกอย่างที่คิดได้ออกมาให้หมด เขียนโดยไม่ต้องสนข้อจำกัด หรือนักอ่านจะชอบหรือไม่ เขียนเหมือนเล่าเรื่องให้ตัวเองฟัง
พอเสร็จดราฟต์แรก ให้แยกตัวจากงานเขียนไป 6 สัปดาห์ ระยะเวลาประมาณนี้จะทำให้เราลืมรายละเอียด และความผูกพันธ์กับตัวละครไปแล้ว แล้วเราจะมองเห็นจุดที่ต้องแก้ไขปรับปรุงด้วยสายตาที่สดใหม่
คำแนะนำของ Stephen King คือ ถ้าคุณทำงานที่บ้าน ให้หันโต๊ะทำงานเข้ากำแพงโล่ง ๆ เพื่อบอกร่างกายรวมถึงจิตใจด้วยว่าสภาวะนี้คือตัดขาดจากโลกรอบตัว หรือสิ่งเร้าต่าง ๆ เมื่อนั่งลงแล้วก็ก้มหน้าก้มตาเขียนไป ห้ามคิดเรื่องอื่น มีสมาธิ
คือมันเหมือนเป็นการบังคับให้เราในฐานะนักเขียนดำดิ่งไปกับโลกที่เรากำลังสร้างขึ้นมา แทนที่จะนั่งมองนกแล้วได้แรงบันดาลใจจากมัน ซึ่งเขามองว่าการรอแรงบันดาลใจจากภายนอกมันเสียเวลา และไม่ยืนยงมากเท่ากับเราเป็นคนสร้างมันขึ้นมาเอง
Stephen King อธิบายว่าเขามักจะตัดประโยคหรือวลีที่ไม่ได้ขับเคลื่อนพล็อต หรือไม่ได้เสริมสร้างตัวละครอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นส่วนที่นักเขียนรู้สึกผูกพันทางอารมณ์เพราะใช้เวลาเขียนค่อนข้างนาน คิดเยอะ แต่เป็นรายละเอียดที่ไม่จำเป็น
นอกจากการตัดส่วนที่ไม่จำเป็นแล้ว นายอักษรผู้นี้ก็แนะนำว่าอย่าไปตื่นเต้นกับคำศัพท์สวยหรูมาก การมีภาษาสวิงสวายทำให้น่าตื่นเต้นก็จริง แต่ในฐานะนักเขียน เราควรตรวจสอบอยู่ตลอดเวลาว่าได้ส่งสารออกไปให้ผู้อ่านรับรู้ได้อย่างชัดเจนหรือยัง
ดังนั้น เรามักไม่เห็นสตีเฟน คิง ใช้คำศัพท์ยาก ๆ หรือการพรรณนาที่ซับซ้อน หรือประโยคยาวเหยียดที่ทำให้นักอ่านต้องหยุดคิดเพื่อทำความเข้าใจ เพราะเขาเชื่อว่านักเขียนไม่ควรสร้างความประทับใจ ให้ผู้อ่านด้วยความรู้ทางภาษาของตัวเอง
Stephen King เปรียบเทียบอาชีพนักเขียนกับช่างไม้ เขาบอกว่าช่างไม้ไม่สามารถสร้างบ้านได้หากไม่มีค้อนและเลื่อย นักเขียนก็ไม่สามารถสร้างเรื่องราวได้หากไม่มีความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับกลไกของการเล่าเรื่อง แล้วทำยังไงถึงจะมีกลวิธีนั้นเยอะ ๆ
หนึ่งในนั้นก็คือการอ่าน การอ่านคือการเรียนรู้จากต้นแบบที่ประสบความสำเร็จและล้มเหลวโดยตรง คุณจะได้เห็นว่านักเขียนคนอื่น ๆ จัดการกับปัญหาการเล่าเรื่องอย่างไร เมื่ออ่านเยอะ เราจะซึมซับกลวิธีของนักเขียนต่าง ๆ มาในตัวแล้วปรับให้เป็นของตัวเอง และควรอ่านด้วยสายตานักเขียน เช่น ผู้เขียนทำอะไรในย่อหน้านี้ที่ทำให้เราอยากอ่านต่อ เป็นต้น
สิ่งที่ทำให้นักเขียนอย่าง Stephen King ยืนระยะมาได้ยาวนานคือวินัย เขาให้ความสำคัญกับ วินัยและความสม่ำเสมอ เหนือกว่าแรงบันดาลใจใด ๆ เพราะสองสิ่งนี้คือแก่นแท้ของการเป็นนักเขียนมืออาชีพ
ยกตัวอย่างเช่น เขากำหนดโควตาการเขียนขั้นต่ำให้ตัวเองไว้ที่ 2,000 คำต่อวัน และเขาจะไม่หยุดเขียนจนกว่าจะทำได้ตามเป้าหมาย ยกเว้นวันคริสต์มาส วันเกิด หรือวันที่ป่วยหนักจริง ๆ การมีโควตาที่ชัดเจนจะทำให้นักเขียนหมดข้ออ้างเรื่องหาแรงบันดาลใจ ซึ่งไม่รู้มีอยู่จริงไหม
และการเขียนทุกวันทำให้เรื่องราวดำเนินไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง และช่วยรักษา "โมเมนตัม" ของโลกในนิยายไว้ในใจของนักเขียน และท้ายที่สุดแล้ว ในฐานะนักเขียนอาชีพ การส่งมอบงานเขียนคือสิ่งเดียวที่ทำให้คุณสามารถดำเนินอาชีพต่อไปได้
ที่มา: หนังสือ On Writing : เวทมนตร์ฉบับพกพา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง