รีวิว ภาพยนตร์ Relay รหัสลับซ่อนตาย เล่าชีวิต นักไกล่เกลี่ยแบบลับๆ กลับสู่รากฐานของหนังระทึกขวัญ ทริลเลอร์ชั้นดี
ในยุคที่ ภาพยนตร์สายลับ มักจะเต็มไปด้วยฉากแอ็กชันระเบิดเต็มตาเนื้อในโรงภาพยนตร์ แต่ หนังเรื่อง "Relay" กลับเลือกที่จะพาเราย้อนกลับไปสู่รากฐานของหนังระทึกขวัญชั้นดีแบบที่รากฐานหนังดราม่าทริลเลอร์ควรจะเป็น
นั่นคือการสร้างความตึงเครียดผ่านบทสนทนา บรรยากาศ และการแสดงที่ "น้อยแต่มาก" และเฉียบคม ผลงานการกำกับของ เดวิด แม็กเคนซี (ผู้เคยฝากฝีมือไว้ใน "Hell or High Water") เรื่องนี้คือบทพิสูจน์ว่าความเงียบและการรอคอยนั้น ก็ลุ้นระทึกไม่แพ้เสียงปืน และมันก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยมจนได้รับเสียงชื่นชมอย่างล้นหลามจากทั้งฝั่งนักวิจารณ์ (79% จาก 121 สำนัก) และผู้ชม (89% บน Rotten Tomatoes)
ภาพยนตร์ "Relay" เล่าเรื่องราวของตัวละคร "แอช" (รับบทโดย ริซ อาห์เหม็ด) ชายผู้มีอาชีพเป็น "ฟิกเซอร์" (fixer) คือบุคคลที่ได้รับมอบหมายหรือทำสัญญาเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับผู้อื่น คำนี้มีความหมายแตกต่างกันไปในบริบทที่ต่างกัน
ในการใช้งานแบบอังกฤษ (และในประเทศเครือจักรภพอื่นๆ) คำนี้มีความหมายเป็นกลาง หมายถึงบุคคล เช่น ที่ปรึกษาพิเศษ "ผู้ที่...ทำให้งานสำเร็จลุล่วง) หรือ นักไกล่เกลี่ยแบบลับๆ หนังเรื่องนี้จะพาไปรู้จักกับ ขั้นตอนที่ซับซ้อนเพื่อปกป้องตัวของเขาและลูกค้า ของ คนที่เป็น ฟิกเซอร์
เขาคือคนกลางผู้ทำหน้าที่ปกป้องแหล่งข่าวที่กำลังจะเปิดโปงความลับขององค์กรทรงอิทธิพล หลักการทำงานของเขาคือการไม่พบหน้า ไม่ใกล้ชิด และไม่ผูกพันทางอารมณ์กับลูกค้า อย่างไรก็ตาม ภารกิจในหนังเรื่องนี้ ที่เขาต้องดูแล "ซาราห์" (ลิลี เจมส์) นักวิทยาศาสตร์สาวที่กุมความลับอันตรายของบริษัทตัวเอง กลับดึงเขาเข้าสู่เกมแมวจับหนูที่ซับซ้อนและอันตรายเกินกว่าที่เคยเผชิญ
หัวใจสำคัญที่ทำให้ "Relay" โดดเด่นและแตกต่าง และทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ มีสเน่ห์ คือการนำเทคโนโลยี "TTY Relay Service" ซึ่งเป็นบริการส่งข้อความเสียงสำหรับผู้พิการทางการได้ยินในยุค 1970s มาใช้เป็นเครื่องมือหลักในการสื่อสารของตัวละคร การตัดสินใจนี้นับว่าชาญฉลาดอย่างยิ่ง มันไม่เพียงสร้างความรู้สึกคลาสสิกแบบหนังสายลับยุคสงครามเย็น แต่ยังสร้างความตึงเครียดในทุกวินาทีที่แอชต้องรอข้อความเสียงจากปลายสาย ทุกการหยุดนิ่ง
ทุกความเงียบระหว่างการสื่อสาร กลายเป็นช่องว่างให้จินตนาการของผู้ชมทำงาน และสร้างความระทึกใจได้อย่างมีชั้นเชิง
ริซ อาห์เหม็ด ในบท "แอช" แสดงระดับที่ดี เขาถ่ายทอดความโดดเดี่ยว ความเหงาในตัวละครที่ต้องทำงานคนเดียว ความระแวดระวัง และความขัดแย้งภายในจิตใจของตัวละครที่ยึดมั่นในกฎเกณฑ์
เคมีของเขากับ ลิลี เจมส์ ซึ่งรับบทซาราห์ได้อย่างน่าเห็นใจและเปราะบางนั้น ทำให้ผู้ชมเอาใจช่วยความสัมพันธ์ที่ก่อตัวขึ้นผ่านเสียงโดยไม่รู้ตัว
ด้านงานกำกับของเดวิด แม็กเคนซี ยังคงไว้ลายความหนักแน่นมั่นคง เขาสามารถคุมโทนของหนังได้อย่างยอดเยี่ยม งานภาพของ ไจลส์ นัทท์เกนส์ ("Hell or High Water") สร้างบรรยากาศที่เยือกเย็น หม่นหมอง
สะท้อนโลกที่ไร้ความไว้ใจของตัวละครได้เป็นอย่างดี ปฏิเสธไม่ได้ว่าการตัดต่อที่รวดเร็วและกระชับของหนังนั้นทำให้เรื่องราวดำเนินไปอย่างน่าติดตาม
เสียงชื่นชมจากนักวิจารณ์ชั้นนำต่างเทไปในทิศทางเดียวกัน ชี้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ แม้จะเป็นหนังเล็กๆ แต่ก็ทำให้หวนนึกถึงผลงานชั้นครูอย่าง "The Conversation" ของฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา และ "Thief" ของไมเคิล แมนน์ ซึ่งถือเป็นคำชมสูงสุดสำหรับภาพยนตร์ในแนวทางนี้
Relay อาจจะเป็นภาพยนตร์ที่หาได้ยากในเข็มนาฬิกาเวลาปัจจุบัน ซึ่งสามารถรักษาความระทึกใจไว้ได้อย่างน่าดู "Relay รหัสลับซ่อนตาย" ไม่ใช่แค่ภาพยนตร์สายลับธรรมดา แต่เป็นหนังระทึกขวัญเชิงจิตวิทยาที่ชาญฉลาดและเปี่ยมไปด้วยสไตล์
มันคือการผสมผสานระหว่างพล็อตที่น่าติดตาม แข็งแรง และการหักมุมที่เหนือความคาดหมาย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง