svasdssvasds

5 ชาติที่มีความเท่าเทียมทางเชื้อชาติมากที่สุด ยิ่งหลากหลายยิ่งแข็งแกร่ง

5 ชาติที่มีความเท่าเทียมทางเชื้อชาติมากที่สุด ยิ่งหลากหลายยิ่งแข็งแกร่ง

5 ประเทศที่มีการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติน้อยที่สุด ประเทศจะแข็งแกร่งได้ ก็ต่อเมื่อมีเชื้อชาติและชาติพันธุ์ที่หลากหลายมากขึ้น

SHORT CUT

  • กระแสผู้อพยพทั่วโลก ได้กระตุ้นให้เกิดความหลากหลายทางชาติพันธุ์และวัฒนธรรมที่เพิ่มขึ้นภายในสังคมประเทศต่างๆ
  • ประเทศที่มีการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติน้อยที่สุด  ส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่แถบสแกนดิเนเวีย 
  • “นิวซีแลนด์”  ถูกมองว่าเป็นอันดับ 1 ในด้านความเสมอภาคทางเชื้อชาติ เพราะพลเมืองเชื่อว่า “ประเทศจะแข็งแกร่งขึ้นเมื่อมีเชื้อชาติที่หลากหลาย”

5 ประเทศที่มีการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติน้อยที่สุด ประเทศจะแข็งแกร่งได้ ก็ต่อเมื่อมีเชื้อชาติและชาติพันธุ์ที่หลากหลายมากขึ้น

วันที่ 1 มีนาคมของทุกปี ถือเป็นวัน Zero Discrimination Day หรือวัน “ยุติการเลือกปฏิบัติ” เพื่อเน้นย้ำถึงความเร่งด่วนในการยุติการกระทำที่ก่อให้เกิดความไม่เท่าเทียมในสังคม ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องเพศ การศึกษา อาชีพ ศาสนา หรือเรื่องของชาติพันธุ์ ซึ่งยังคงมีให้เห็นอยู่ทั่วโลก

ทั้งนี้ ปัญหาเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติและความเสมอภาคทางเชื้อชาติได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นทั่วโลกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากกระแสผู้อพยพทั่วโลก ได้กระตุ้นให้เกิดความหลากหลายทางชาติพันธุ์และวัฒนธรรมที่เพิ่มขึ้นภายในสังคมประเทศต่างๆ

ทาง “US News” จึงได้ทำการสำรวจว่า ประเทศใดเป็นประเทศที่ดีที่สุดในโลก พร้อมกับสำรวจเรื่องความเท่าเทียมทางเชื้อชาติในสังคมของประเทศนั้นไปด้วย ซึ่งจากการสำรวจความคิดเห็นของผู้คนมากกว่า 17,000 คนจาก 36 ประเทศทั่วโลกในปี 2023 พบว่าประเทศที่มีความเท่าเทียมด้านเชื้อชาติมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ นิวซีแลนด์ แคนาดา เนเธอร์แลนด์ สวีเดน และนอร์เวย์ ตามลำดับ ซึ่งมีเหตุผลคร่าวๆ ดังนี้

5 ประเทศที่มีการเลือกปฏิบัติด้านเชื้อชาติน้อยที่สุด

5 ประเทศที่มีการเลือกปฏิบัติด้านเชื้อชาติน้อยที่สุด 

“นิวซีแลนด์” - ถูกมองว่าเป็นอันดับ 1 ในด้านความเสมอภาคทางเชื้อชาติ เพราะผู้ตอบแบบสอบถาม 85 % เห็นด้วยในหัวข้อ “ประเทศจะแข็งแกร่งขึ้นเมื่อมีเชื้อชาติและชาติพันธุ์ที่หลากหลายมากขึ้น” และอีก 66% เห็นด้วยในหัวข้อ “ประเทศของตนควรเปิดกว้างต่อผู้อพยพ” 

ในปี 2019 นิวซีแลนด์เคยเกิดเหตุการณ์กราดยิงมัสยิด 2 แห่ง ในเมืองไครสต์เชิร์ช ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 51 คน และบาดเจ็บปี 49 คน ทำให้รัฐบาลมุ่งมั่นพัฒนาแผนการต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติภายในประเทศอย่างจริงจัง เพื่อ ขจัด “การเหยียดเชื้อชาติ” ทุกรูปแบบให้หมดไป

“แคนาดา” - นอกจากประเทศนี้จะถูกจัดให้เป็นประเทศอันดับ 2 ที่ดีที่สุดในโลกจาก US News แล้ว แคนาดายังเป็นประเทศอันดับ 2 ในด้านความเสมอภาคทางเชื้อชาติอีกด้วย โดยผู้ตอบแบบสอบถาม80% เห็นด้วยในระดับหนึ่ง กับหัวข้อ “ประเทศจะแข็งแกร่งขึ้นเมื่อมีเชื้อชาติและชาติพันธุ์ที่หลากหลายมากขึ้น” ในขณะที่ 63% เห็นด้วยกับหัวข้อ “ประเทศของตนควรเปิดกว้างต่อผู้อพยพ”

 

โดยในช่วงไม่ไม่กี่ปีที่ผ่านมา รัฐบาลแคนาดาได้เสนอ “ยุทธศาสตร์ต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติ” และสร้างสำนักงานเลขาธิการต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติ หรือ “Federal Anti-Racism Secretariat” ขึ้นมา เพื่อเป็นอีกพลังในการช่วยรัฐบาลต่อสู้กับการเหยียดเชื้อชาติ และขจัดการเลือกปฏิบัติภายในประเทศออกไป

“เนเธอร์แลนด์” - ประเทศนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชนและความยุติธรรมทางสังคมอยู่เสมอ นอกจากนี้ยังติดอันดับ 10 ประเทศที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2023 ด้วย

โดยในเนเธอร์แลนด์ มีการใช้กลยุทธ์แบบ “บูรณาการ” ซึ่งผู้อพยพย้ายถิ่นฐานสามารถเข้าเรียนหลักสูตรภาษาดัตช์ได้ฟรี และถ้าคนไหนมีผลการเรียนดี รัฐบาลก็จะเลือกให้เรียนภาษาดัตช์ในระดับที่สูงขึ้น นอกจากนี้ยังมีนโยบายช่วยเหลือให้ผู้ขอลี้ภัยมีงานทำอีกด้วย

5 ชาติที่มีความเท่าเทียมทางเชื้อชาติมากที่สุด

“สวีเดน”- พลเมืองประเทศนี้ประมาณ 6 ใน 10 ที่ทำแบบสำรวจ เห็นด้วยกับหัวข้อ “ประเทศจะแข็งแกร่งขึ้นเมื่อมีเชื้อชาติและชาติพันธุ์ที่หลากหลายมากขึ้น” ส่วนอีก 33% ที่ทำแบบสำรวจ เห็นด้วยกับหัวข้อ “ประเทศของตนควรเปิดกว้างต่อผู้อพยพ" ซึ่งสะท้อนว่าพลเมืองสวีเดนเริ่มมีทัศนคติต่อผู้">อพยพเปลี่ยนไปในทางบวกมากขึ้น

ในปี 2022 “อีวอนน์ ม็อกโกโร (Yvonne Mokgoro) ” ผู้เชี่ยวชาญของสหประชาชาติ กล่าวว่า “สวีเดนมี แนวทางปฏิบัติที่ดี” เกี่ยวกับการฝึกอบรมของตำรวจ และการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ในการสืบสวนเหตุอาชญากรรมที่เกิดจากความเกลียดชัง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังต้องเพิ่มกลยุทธ์เพื่อฟื้นฟูความไว้วางใจระหว่างตำรวจและชนกลุ่มน้อยมากกว่าเดิม

“นอร์เวย์” - ผู้ตอบแบบสอบถาม 70 % ของประเทศนี้ เห็นด้วยกับหัวข้อ “ประเทศจะแข็งแกร่งขึ้นเมื่อมีเชื้อชาติและชาติพันธุ์ที่หลากหลายมากขึ้น” และอีก 50% เห็นด้วยกับหัวข้อ “ประเทศของตนควรเปิดกว้างต่อผู้อพยพ”

ซึ่งการวิเคราะห์ติดตามผลในปี 2023 จาก “คณะกรรมาธิการยุโรปเพื่อต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติและการไม่ยอมรับความแตกต่าง (European Commission against Racism and Intolerance)” พบว่า หน่วยงานสวัสดิการเด็กของนอร์เวย์ มีความคืบหน้าเชิงบวกในการส่งเสริมความไว้วางใจ การสื่อสาร และความเข้าใจกับชนกลุ่มน้อย

 

ข่าสที่เกี่ยวข้อง 

related