
SHORT CUT
งานวิจัยชี้ คนส่วนใหญ่ “อ่านอารมณ์แมวไม่ออก” แม้แมวฟ่อ–หูแบนก็ยังเข้าไปลูบ ผลลัพธ์คือถูกกัด–ข่วนเพราะเข้าใจผิด ๆ
หลายคนเชื่อว่าตัวเองรู้ใจแมวดี แต่ผลวิจัยล่าสุดจาก University of Adelaide ประเทศออสเตรเลีย กลับชี้ว่าเรามักอ่านสัญญาณเตือนของแมวผิดพลาดอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งที่บางครั้งแมวแสดงท่าทีหงุดหงิดอย่างชัดเจนอยู่แล้ว แต่มนุษย์ก็ยังเดินเข้าไปลูบเหมือนเดิม
งานวิจัยนี้ทดสอบผู้ใหญ่ 368 คน ด้วยวิดีโอที่ให้ดูปฏิกิริยาของแมวในสถานการณ์ต่าง ๆ ตั้งแต่กำลังผ่อนคลายไปจนถึงกำลังหงุดหงิดถึงขีดสุด ผลออกมาว่าแม้สัญญาณจะชัดมาก เช่น ฟ่อ หูแบน หรือท่าตัวแข็ง แต่ 23% ของผู้เข้าร่วมก็ยังตีความผิด ส่วนสัญญาณเตือนแบบเบา ๆ เช่น หนวดตึงหรือหางสะบัด ความแม่นยำยิ่งลดลงจนเหลือระดับเสี่ยงโชค และที่แย่กว่านั้นคือเกือบครึ่งของคนที่รู้ว่าแมวเริ่มไม่พอใจแล้ว ก็ยังยื่นมือเข้าไปสัมผัสอยู่ดี
เพื่อแก้ปัญหา ทีมวิจัยได้ทดลองให้ผู้เข้าร่วมชมวิดีโอสอนความยาวเพียงสองนาทีครึ่ง แต่ผลกลับออกมาตรงข้ามกับที่คาดไว้ เพราะแม้ผู้ชมจะมองเห็นสัญญาณอันตรายที่เด่นชัดได้ดีขึ้น แต่กลับแย่ลงในการจับสัญญาณเตือนระยะแรก ลดลงเกือบ 19% ขณะเดียวกันระดับความมั่นใจที่คิดว่าตัวเอง “อ่านแมวขาด” กลับพุ่งสูงขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล ทำให้ความเสี่ยงโดนกัดหรือข่วนยิ่งเพิ่มขึ้นอีก
เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ปัญหาเล็ก ๆ เพราะแมวกัดทีไม่ได้จบแค่แสบ ๆ คัน ๆ ฟันแมวมีลักษณะแหลมและยาวจนดันแบคทีเรียเข้าสู่เนื้อได้ลึก ทำให้ติดเชื้อได้ง่าย งานวิจัยระบุว่า 75% ของการกัดที่ติดเชื้อจากสัตว์เลี้ยงทั้งหมดมาจากแมว และประมาณหนึ่งในสามมีโอกาสติดเชื้อรุนแรงจนต้องไปพบแพทย์ ส่วนรอยข่วนเองก็เสี่ยงต่อโรค Bartonella หรือที่รู้จักกันในชื่อ “โรคขีดข่วนแมว” เช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีความเข้าใจผิดเรื่อง “โชว์พุงคืออยากให้ลูบ” ทั้งที่จริงแล้วการพลิกตัวโชว์ท้องเป็นเพียงการบอกว่าแมวไว้วางใจ แต่ไม่ได้หมายความว่าเชิญลูบท้องได้ตามใจ งานวิจัยพบว่า 42% ของผู้ทดสอบยังจะเอามือลูบท้องแมวที่เริ่มเครียดแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าจบลงด้วยการโดนตะปบแบบไม่ทันตั้งตัว
ท้ายที่สุด ผู้เชี่ยวชาญต่างเห็นตรงกันว่าสัญญาณง่ายที่สุดก็คือสัญชาตญาณพื้นฐานของแมวนั่นเอง ถ้าหูแบน หางสะบัด ตัวแข็ง หรือเริ่มง้างอุ้งเท้า แปลว่าควรหยุด ไม่ใช่เดินเข้าไปใกล้ การเข้าใจภาษากายของแมวให้ถูกจังหวะ จะช่วยลดความเสี่ยง ทั้งของคนและของแมวเอง