svasdssvasds

ปั่นงานโต้รุ่ง! ทฤษฎี One Night Miracle ปาฏิหาริย์ที่หวังจะเกิดชั่วข้ามคืน

ปั่นงานโต้รุ่ง! ทฤษฎี One Night Miracle ปาฏิหาริย์ที่หวังจะเกิดชั่วข้ามคืน

ทฤษฎี One Night Miracle อาจจะไม่คุ้นมากนักสำหรับคนที่มี Work life Balance ยอดเยี่ยม แต่สำหรับสายปั่นงานโต้รุ่ง GEN Z ที่ต้องอ่านหนังสือถึงเช้า จะคุ้นเคยดี เพราะนี้คือ ปาฏิหาริย์ที่ (หวังให้) เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน

One night miracle ทำได้อย่างไรให้ร่างกายไม่รวน

เชื่อว่าหลายๆคนก็คงจะคุ้นเคยกับเหตุการณ์แบบนี้บ้าง ที่มองนาฬิกาแล้วเห็นว่ามันก็ดึกมากแล้ว แต่หน้าจอคอมยังสว่าง งานยังไม่คืบหน้าเลย ไม่ว่ายังไงงานนี้ก็คงต้องโต้รุ่งยันเช้าแล้วแหละ เพราะ deadline มันคือวันพรุ่งนี้!! แต่จะทำยังไงให้มีแรงทำงานได้ทั้งคืน สปีดไม่ตก โดยที่ร่างกายก็ไม่พังด้วย แค่อัดกาแฟอย่างเดียวก็คงไม่ช่วย

One night miracle เป็นเหมือนปาฏิหาริย์ที่อาจจะเกิดขึ้นจากเพียงคืนเดียวหรือการทำอะไรบางอย่างให้สำเร็จในคืนเดียว

One-night หมายถึงหนึ่งคืนหรือภายในหนึ่งคืน และ Miracle หมายถึง ปาฏิหาริย์ที่(หวังว่า)จะเกิดขึ้น ซึ่งหลายๆคนก็คงจะคุ้นเคยกันตั้งแต่วัยเรียนมหาวิทยาลัยที่พยายามอดหลับอดนอนใช้เวลาทั้งคืนทำงานส่งอาจารย์ หรือวัยทำงานที่อัดกาแฟเข้าไปอย่างเต็มที่เพื่อปั่นงานให้ทันเพราะ deadline มันคือพรุ่งนี้เช้าแล้ว

ทฤษฎี One Night Miracle ปาฏิหาริย์ที่หวังจะเกิดชั่วข้ามคืน

แล้วคนเราจะสามารถมีแรงฮึดทำงานทั้งคืนยันเช้าได้จริงเหรอ

ได้จริง แต่ไม่ควรทำบ่อย เพราะอย่างที่เคยพูดถึงวงจรการนอนไปแล้วใน (https://www.springnews.co.th/lifestyle/work-balance/843129) ว่า ชีวิตของเรามีนาฬิกาที่เดินตามจังหวะ “circadian” ที่จะเตือนร่างกายว่าควรจะกระฉับกระเฉงเมื่อไหร่และควรจะนอนเมื่อไหร่ one night miracle นี้แหละ คือการแหกกฎของนาฬิกาชีวิต ซึ่งสามารถทำได้ด้วย "ปาฏิหาริย์ของร่างกาย" เพราะในร่างกายคนเรามีฮอร์โมนต่างๆมากมายที่หลั่งออกมา และทำให้คนเราสามารถรับมือกับสถานการณ์ต่างๆที่เข้ามาได้อย่างเหมาะสม และในบรรดาฮอร์โมนเหล่านี้ มีอยู่ 2 ชนิดที่ช่วยให้เจ้าของร่างกายทำสิ่งที่อาจเรียกได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์มาแล้วนักต่อนัก ทั้งเอาชีวิตรอดจากภูเขาหิมะแสนหนาวเหน็บหลายสิบวันโดยแทบไม่เหลือเสบียงอาหาร หลบกระสุนและระเบิดในสมรภูมิโดยไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ หรือเคสสุดคลาสสิก อย่างยกของหนักหลายกิโลวิ่งออกจากบ้านที่กำลังไฟไหม้

ทฤษฎี One Night Miracle ห่างไกลกับ "work Life Balance"

ฮอร์โมนในร่างกาย 2 ชนิด ได้แก่

  1. อะดรีนาลีน (Adrenaline) หรือเรียกอีกอย่างว่า เอพิเนฟริน (Epinephrine) ผลิตขึ้นที่ต่อมหมวกไต โดยจะหลั่งออกมาเมื่อร่างกายรู้สึกถึงอันตราย หรือจิตใจอยู่ในภาวะอารมณ์รุนแรง เช่น โกรธ ตกใจ หรือตื่นเต้น ฮอร์โมนตัวนี้จะช่วยปรับให้ร่างกายเสมือนเข้าสู่โหมดฉุกเฉิน เตรียมพร้อมสำหรับการป้องกันตัว โดยทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตมีประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้น หัวใจบีบตัวมากขึ้น เต้นแรงขึ้น และสูบฉีดเลือดไปหล่อเลี้ยงสมอง และอวัยวะต่าง ๆ ทั่วร่างมากขึ้น
  2. คอร์ติซอล (Cortisol) เป็นฮอร์โมนที่ผลิตจากต่อมหมวกไตเช่นกัน จะหลั่งออกมาเมื่อจิตใจรู้สึกเครียด วิตกกังวล หรือมีอาการตื่นตระหนก (Panic) โดยจะกระตุ้นตับให้ผลิตน้ำตาลในเลือดมากขึ้น เพื่อมาเป็นพลังหล่อเลี้ยงร่างกาย เรียกได้ว่า เป็นสเตียรอยด์ที่ร่างกายคนเราสังเคราะห์ได้เอง

ปั่นงานโต้รุ่ง GEN Z ที่ต้องอ่านหนังสือถึงเช้า กับ ทฤษฎี One Night Miracle

โดยทั่วไป เมื่อคนเราตกอยู่ในอันตรายหรือสถานการณ์คับขันบางอย่าง ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมน 2 ชนิดนี้ออกมา ซึ่งโดยรวมแล้วจะช่วยเสริมสมรรถภาพทางกายและสมอง ทำให้เอาตัวรอดจากอันตรายมาได้

แต่ว่า ต่อให้ร่างกายไม่ได้กำลังเผชิญอันตรายจริง ๆ ทว่าจิตใจรู้สึกว่าเป็นอันตรายระดับใกล้เคียงกัน เช่น กำลังตื่นตระหนกกับเดดไลน์ที่คืบคลานเข้ามาทุกที ๆ จนรู้สึกนั่งไม่ติด เหมือนมีไฟลนก้นอยู่จริง ๆ ก็เป็นไปได้มากที่ร่างกายจะหลั่งอะดรีนาลินและคอร์ติซอลออกมา สมองแล่นปรู๊ดปร๊าด พลังกายหลั่งล้น กลายเป็นปาฏิหาริย์ชั่วข้ามคืน ปั่นงานโต้รุ่งจนเสร็จ รอดพ้นจากภาวะเฉียด (เส้น) ตายมาได้ คนที่ทำงานได้ดีเมื่อมีแรงกดดันก็สามารถอธิบายได้ด้วยหลักการนี้ นอกจากฮอร์โมนส์ที่จะช่วยแล้ว เราเองก็ต้องเตรียมร่างกายตัวเองด้วยเช่นกัน

ทริกเตรียมความพร้อมก่อน One Night Miracle

เตรียมร่างกายตัวเองเพื่อทำให้ One night miracle คืนปาฏิหาริย์เกิดขึ้นจริง

  • การกินจุกจิกมีผลอย่างมาก - การกินที่เยอะเกินไปจนอิ่ม ร่างกายจะใช้พลังงานเยอะมากในการย่อย นั่นอาจทำให้คุณง่วงได้ การกินระหว่าง miracle night ควรกินทีละนิด กินเรื่อยๆ ไม่กินทีเดียวจนอิ่ม ควรจะเป็นอาหารที่ให้พลังงานเช่น โปรตีนแท่ง และอาหารที่มีน้ำตาล เพื่อเติมพลังงานให้ร่างกาย
  • ดื่มน้ำบ่อยๆ – อย่างที่รู้กันว่าการดื่มน้ำให้เพียงพอเป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว ยิ่งในวันที่เราต้องฝืนร่างกายตัวเอง การดื่มน้ำให้พอยิ่งเป็นสิ่งสำคัญ
  • เติมคาเฟอีนบ้าง - กาแฟ ชาเขียว อาหารที่มีคาเฟอีน เป็นตัวช่วยให้ miracle night ของเราสามารถเกิดขึ้นได้จริง แต่กะให้พอดีนะ อย่ามากเกินไปจนเป็นอันตรายต่อร่างกายเราล่ะ
  • หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ - เพราะหลังจากดื่มแอลกอฮอล์แล้วจะทำให้รู้สึกง่วงนอนได้ในระยะเริ่มต้น ถึงแม้ว่าหลังจากนั้นร่างกายจะตื่นตัวนอนไม่หลับ แต่การดื่มแอลกอฮอล์ตอนทำงานก็เป็นสิ่งไม่ควร อาจทำให้งานไม่สมบูรณ์ได้
  • ทริกงีบหลับ – หากรู้สึกง่วงมากร่างกายไม่ไหวแล้ว ใช้ทริกงีบหลับแค่15นาทีแล้วลุกมาทำงานต่อช่วยได้ มันจะทำให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้น ทริกนี้แนะนำแค่คนที่สามารถคอนโทรลตัวเองให้ตื่นได้เท่านั้นนะ ใครเป็นคนที่หลับแล้วหลับเลย แนะนำว่าให้หาอย่างอื่นทำให้ตื่นตัวดีกว่า

ปาฏิหาริย์ชั่วข้ามคืน "One night miracle" ที่อาจพังชั่วข้ามคืน

One night miracle ปาฏิหาริย์ชั่วข้ามคืนไม่สามารถสร้างได้ทุกคืน

ถึงแม้ว่าวิธีปั่นงานแบบ One Night Miracle จะทำให้งานเสร็จได้ทันกำหนด แต่แนะนำว่าไม่ควรใช้วิธีนี้บ่อยๆ  ควรจัดแจงเวลาในการทำงานให้ดี และบอกปัญหานี้ตามตรงกับเพื่อนร่วมทีม และหัวหน้าถึงปริมาณงานที่เยอะเกินไป และร่างกายเราก็จะพังตามไปด้วย นาฬิกาชีวิตเราก็จะรวน ฮอร์โมนที่หลั่งออกมาก็จะแปรปรวน และที่สำคัญ งานที่ต้องเร่งทำในสภาวะที่ร่างกายไม่พร้อมก็อาจจะเป็นงานที่ไม่ค่อยดีนัก ซึ่งหากจำเป็นต้องปั่นงานแบบ One Night Miracle จริงๆ ก็ควรเลือกสถานที่ที่สภาพแวดล้อมที่ดี และเตรียมร่างกายตัวเองให้พร้อม ให้เราทำงานได้เต็มที่

“Difference between school and life? 
In school you are taught a lesson and then given a test. 
In life, you are given a test that teaches you a lesson.”

“ชีวิตวัยเรียนและชีวิตจริงแตกต่างกันตรงที่ 
‘ชีวิตวัยเรียน’ เราได้รับการสอนบทเรียน ก่อนทำแบบทดสอบ 
แต่ใน ‘ชีวิตจริง’ เราจะได้ทำแบบทดสอบที่จะสอนบทเรียนให้กับเรา”
– ทอม โบเด็ท – 

บทความอื่นที่น่าสนใจ

อ้างอิงข้อมูล

related