svasdssvasds

เหนื่อยเกินไป ทำไงดี? แนะวิธีฮีลใจจากงานที่แสนเหนื่อย

เหนื่อยเกินไป ทำไงดี? แนะวิธีฮีลใจจากงานที่แสนเหนื่อย

ทำงานหนักมาทั้งอาทิตย์จนวิญญาณแทบจะออกจากร่างไปแล้ว พอถึงวันหยุดทั้งที พักเท่าไหร่ก็ไม่รู้สึกว่าหายเหนื่อยเลย แปปๆก็ต้องกลับมาทำงานอีกรอบละ จะทำยังไงดีให้ฮีลตัวเองได้จากงานที่แสนเหนื่อย มีแรงฮึดกลับไปทำงานที่เรารักได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

เหนื่อยเกินไป ทำไงดี? วิธีฮีลใจจากงานที่แสนเหนื่อย

งานทุกงานต่างก็ต้องมีความเหนื่อยล้าที่สะสมอยู่แล้วไม่ว่าจะทางร่างกาย ทางจิตใจ เอาจริงๆความเหนื่อยจากงานก็ไม่ได้มาจากการทำงานที่หนัก หักโหมเสมอไป ความเหนื่อยล้าที่สะสมจากงานหลายๆครั้งก็มาจากปัญหาความสัมพันธ์ของเพื่อนร่วมงานบ้าง ลูกน้องบ้าง หัวหน้าบ้าง บางทีก็อาจเป็นความกังวลเรื่องเงิน เรื่องสุขภาพ หรือแม้แต่เรื่องรถติดก่อนไปทำงาน พอมันสะสมทุกๆวันมันก็เกิดความเบื่อหน่าย หดหู่ และเรียกรวมๆกันว่า “เหนื่อยจากการทำงาน”

เหนื่อยเกินไป ทำไงดี? วิธีฮีลใจจากงานที่แสนเหนื่อย

แต่ไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน ก็ลาออกแล้วหยุดมานอนพักเฉยๆไม่ได้อยู่ดีใช่มั้ยล่ะ งั้นเรามาลองหาวิธีฮีลใจให้ตัวเอง พักฟื้นตัวเองจากปัญหาต่างๆ เมื่อใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข ก็พร้อมกลับไปทำงานแล้วล่ะ

สังเกตตัวเองว่ากำลังรู้สึกเหนื่อยจากการทำงานรึเปล่า

  • รู้สึกหมดแรง ไม่มีแรง ตื่นนอนก็งัวเงียไม่อยากทำงาน
  • มีความรู้สึกเชิงลบกับงาน หรือที่ทำงาน เริ่มมองโลกในแง่ร้าย
  • ไม่มั่นใจว่าจะทำงานได้ดีและมีประสิทธิภาพเท่าเมื่อก่อน

ถ้ารู้สึกว่าตัวเองเริ่มมีอาการเหล่านี้ ก็ถึงเวลาเข้าคอร์สฮีลใจ ฟื้นฟูตัวเองก่อนกลับไปทำงานกันแล้วล่ะ

ชีวิตเหมือนมีแต่งาน งาน งาน ที่ต้องแบกภาระทุกอย่าง ลองหยุดพักฮีลใจตัวเองบ้าง Photo : Freepik

วิธีฮีลใจที่ดีที่สุดเริ่มต้นที่ตัวเอง

Identify changes you can make yourself: ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างเล็กน้อย เพื่อให้ชีวิตดีขึ้น

ถ้าคุณกำลังเริ่มรู้สึกเหนื่อยล้าจากการทำงาน ขั้นแรกเลยลองสังเกตพฤติกรรมตัวเองก่อน เพราะการกระทำบางอย่างเพียงแค่เล็กๆน้อยๆของเราก็อาจเป็นเหตุผลให้เหนื่อยก็ได้นะ อาจจะลองปรับตัวเองดู อย่างเช่น

  • ถ้าเป็นคนที่ชอบกินอาหารแช่แข็ง : ลองเปลี่ยนเป็น ทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ5หมู่ หรืออาหารจากวัตถุดิบสดใหม่ เพราะการที่ร่างกายขาดสารอาหารก็อาจเป็นสาเหตุให้เวลาทำงานหนักๆอาจจะอ่อนล้าหรืออ่อนเพลีย
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ : แทนที่จะเป็นการนอนเล่นโทรศัพท์จนดึกดื่น ลองปรับให้นอนเร็วขึ้นเพื่อให้น่างกายพักผ่อนเพียงพอ ถ้านอนไม่หลับจริงๆอาจเพราะเกิดจากความเครียดหรือมีเรื่องหนักหัว ก็ลองหาวิธีคลายเครียดเช่น โยคะ หรือ ทำสมาธิ จะช่วยได้
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ : ไม่จำเป็นต้องออกจนเป็นกิจวัตรก็ได้ อาจแค่วันละ30นาที อาทิตย์ละ4-5วันก็ช่วยได้มากแล้ว เพราะการออกกำลังกายจะช่วยเพิ่มระดับพลังงานและปรับอารมณ์ให้คงที่ได้ ถ้าคิดว่าไม่มีเวลาจริงๆ อาจจะเปลี่ยนจากการขึ้นลิฟท์ เป็นเดินขึ้นบันไดแทน หรือเปลี่ยนให้เดินเร็วขึ้น แค่เล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้ก็ถือว่าเป็นการขยับร่างกายให้ได้ใช้พลังมากขึ้นแล้ว

สังเกตตัวเองว่ากำลังรู้สึกเหนื่อยล้าจากการทำงานรึเปล่า Photo : Freepik

Leave work at work: ทิ้งงานไว้ที่ที่ทำงาน

เป็นเรื่องที่บอกไว้แทบจะทุก topic ของหัวข้อการทำงานเลย คือการทิ้งงานไว้ที่ที่ทำงาน ถ้าไม่จำเป็นเร่งด่วนจริงๆก็ปล่อยๆมันซะบ้าง กลับบ้านคือการพักผ่อน แล้วเราจะพักผ่อนอย่างเต็มที่ได้ยังไงถ้าเรายังแบกงานกลับมาทำในช่วงเวลาพัก

Spend your free time on rewarding hobbies: ใช้เวลาพักผ่อนสนุกไปกับงานอดิเรก

ทุก ๆ คนคงจะมีบางสิ่งบางอย่างที่ชอบทำมาก ๆ ที่ไม่ใช่งานหลักหรืองานประจำ ในวันพักผ่อนนี้ นอกจากที่เราจะนอนอืดอย่างเต็มที่แล้ว ลองลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่างเพื่อให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการนอนดูหนังมาราธอนยาว ๆ ไปเลยทั้งวัน หรือการเล่นเกมส์ บางคนอาจจะเป็นการเล่นดนตรี การทำสวน หรืออะไรก็ตามที่เราทำแล้วรู้สึกชอบ รู้สึกสบายใจ

แต่... ถ้าใครที่ไม่มั่นใจว่าตัวเองมีงานอดิเรกบ้างไหม ลองไปหาอะไรที่ไม่เคยทำดู หาประสบการณ์ใหม่ๆ เติมเต็มความเหนื่อยล้าที่สะสมมาจากงาน การได้พักผ่อนแล้วยังได้ทำสิ่งอื่นๆที่ชอบไปด้วยจะทำให้ร่างกายเหมือนได้รีบูต หายเหนื่อยพร้อมกลับไปทำงานที่เรารักกันอีกครั้งแล้วล่ะ

ความเหนื่อยล้าที่สะสม ทั้งงาน เพื่อนร่วมงาน จะทำให้เราเบิร์นเอาท์(Burnout) Photo : Freepik

Talk with loved ones: พูดคุยกับคนที่เรารัก

คนที่เป็นเซฟโซนของเรา อาจจะเป็นครอบครัว เพื่อน แฟน หรือใครก็ตามที่เราสบายใจที่จะพูดคุยได้ การได้ระบายความเครียด เล่าปัญหาของเราออกไปให้คนที่ไว้ใจฟังบ้าง ก็เป็นการลดอาการเครียด ลดความเหนื่อยล้าได้ระดับนึงเลย ไม่ต้องคิดว่าเหมือนเราจะเอาปัญหาไปเพิ่มให้เขารึเปล่า ลองคิดในมุมของเราว่าถ้าคนที่เรารักเครียด หรือมีปัญหา เราเองก็คงอยากที่จะซัพพอร์ตเขาเหมือนกัน

การที่รู้ว่ามีคนที่พร้อมจะซัพพอร์ตเรา พร้อมรับฟังปัญหาของเรา เป็นอีกอย่างนึงที่ทำให้รู้สึกคลายเครียดขึ้นได้มากเลยทีเดียว

ที่สำคัญ !! การเติมกำลังใจให้ตัวเองสามารถทำได้ตลอดเลยนะ ไม่จำเป็นต้องรอให้หมดแรงหมดพลังก่อน ถึงจะค่อยเริ่มหากำลังใจ เพราะถ้าเราหมดไฟไปแล้ว จะเติมไฟใหม่มันก็คงยากกว่าการเติมมาตลอดเรื่อยๆ

"วิธีฮีลใจตัวเอง" ที่ดีที่สุด เริ่มจากตัวเอง ทำสิ่งที่ชอบ อยู่กับสิ่งที่รัก Photo : Freepik

นี่เป็นเพียงทริกเล็กๆที่นำมาฝากทุกคนในการผ่อนคลายความเครียด บางคนอาจจะมีวิธีฮีลตัวเองจากความเหนื่อยล้าในแบบฉบับของตัวเอง ก็อย่าลืมที่จะปล่อยวางความเครียดบ้าง อะไรที่หนักเกินไปก็ไม่ต้องแบกไว้ หาความสุขจากสิ่งเล็กๆรอบตัว และอย่าให้ความเครียดจากเรื่องงานมีผลกระทบกับชีวิตของตัวเองมากมายนักล่ะ

อ้างอิง

บทความอื่นที่น่าสนใจ

related