SHORT CUT
คนรุ่นใหม่กำลังเปลี่ยนการท่องเที่ยวให้เป็นเครื่องมือดูแลสุขภาพจิตที่สำคัญ เพื่อต่อสู้กับภาวะหมดไฟและความเครียด และเทรนด์นี้กำลังกลายเป็นส่วนสำคัญของชีวิต
คนรุ่นใหม่ทั้ง Millennials และ Gen Z ที่ต้องเผชิญกับความเครียด ภาวะหมดไฟ (Burn Out) และปัญหาสุขภาพจิต กำลังหันมาใช้ "การเดินทาง" เป็นเครื่องมือสำคัญในการเยียวยาจิตใจและฟื้นฟูพลังชีวิต
ผลสำรวจนักเดินทาง 5,000 คนในยุโรปเผยให้เห็นข้อมูลที่น่าสนใจ โดย 88% ของผู้ตอบแบบสอบถามรู้สึกว่าการเดินทางช่วยเพิ่มความสุขและเป็นช่วงเวลาจำเป็นในการปลดปล่อยความตึงเครียด
สำหรับกลุ่มคนเหล่านี้ การเดินทางไม่ได้เป็นเพียงกิจกรรมเพื่อการพักผ่อนอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญในการจัดการสุขภาพจิต เปรียบเสมือน "กิจวัตรการดูแลตัวเอง" เพื่อรีเซ็ตสภาพจิตใจและอารมณ์
สิ่งที่ทำให้การเดินทางโดดเด่นกว่ากิจกรรมบำบัดอื่นๆ คือการได้พาตัวเอง "หลีกหนี" ออกจากสภาพแวดล้อมเดิมๆ อย่างสิ้นเชิง การได้เห็นวัฒนธรรมที่แตกต่าง วิถีชีวิตที่ไม่คุ้นเคย และผู้คนใหม่ๆ ช่วยสร้างอิสระและความผ่อนคลายในแบบที่การบำบัดรูปแบบอื่นไม่สามารถให้ได้
ฟีบี โทมัส (Phoebe Thomas) วัย 29 ปี ได้ผนวกการเดินทางเข้ากับแผนการดูแลสุขภาพจิตของเธอ เธอใช้เวลาหลายเดือนแบกเป้ท่องเที่ยวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเข้าร่วมกิจกรรมปฏิบัติธรรมในอินเดีย เพื่อรับมือกับภาวะซึมเศร้าและสร้างความเข้มแข็งทางอารมณ์
ขณะที่ แมริแอนน์ มูนีย์ (Marianne Mooney) ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองจากสหราชอาณาจักรซึ่งป่วยเป็นโรคซึมเศร้าตามฤดูกาล (Seasonal Affective Disorder) ได้วางแผนเดินทางในช่วงฤดูหนาวเป็นประจำเพื่อต่อสู้กับผลกระทบทางจิตใจจากสภาพอากาศที่มืดมน เธอยืนยันว่าการเดินทางเป็นหนทางเดียวที่ทำให้เธอค้นพบความสงบทางใจได้อย่างแท้จริง
เทรนด์การเดินทางเพื่อสุขภาพจิตกำลังเติบโตขึ้นทั่วโลก แม้แต่หน่วยงานการท่องเที่ยวของสวีเดนยังร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเพื่อส่งเสริมกิจกรรมบำบัดแบบองค์รวม เช่น การบำบัดด้วยการนอนหลับ (Sleep Therapy) และการอาบป่า (Forest Bathing) โดยใช้ประโยชน์จากภูมิประเทศที่เงียบสงบและสวยงามของประเทศ
นักเดินทางกลุ่มนี้ไม่ได้มองหาความหรูหรา แต่แสวงหาประสบการณ์ที่มีความหมาย เช่น การเดินป่าท่ามกลางธรรมชาติอันเงียบสงบ การเข้าร่วมกิจกรรมฝึกสติ หรือการไปเยือนจุดหมายปลายทางที่ขึ้นชื่อเรื่องการฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเดินทางได้กลายเป็นเครื่องมือ "ดูแลตัวเอง" ที่ช่วยให้คนรุ่นใหม่ได้กดปุ่มรีเซ็ตทั้งร่างกายและจิตใจ และคาดว่าเทรนด์นี้จะกลายเป็นกระแสหลักที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในอนาคตอันใกล้นี้
ที่มา : katakenya, travelandtourworld