เกิดเหตุรถยนต์คันหนึ่งเกิดระเบิดขึ้น ใกล้กับโรงพยาบาลลิเวอร์พูล ในเมืองลิเวอร์พูลเมื่อวันอาทิตย์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 คนและบาดเจ็บ 1 คน ตำรวจยังไม่ฟันธงเป็นการก่อการร้ายหรือไม่
สำนักงานตำรวจเขตเกรทแมนเชสเตอร์ทวีตวานนี้ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเขตเทศมณฑลเมอร์ซีย์ไซด์ได้จับกุมชาย 3 คน อายุ 29,26 และ 21 ปีในย่านเคนซิงตัน เมืองลิเวอร์พูล ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการก่อการร้าย หลังเกิดเหตุระเบิดรถยนต์ คันหนึ่งด้านนอกเขต โรงพยาบาลหญิงลิเวอร์พูล ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ โดยขณะนี้ตำรวจท้องถิ่นร่วมกับตำรวจต่อต้านการก่อการร้ายกำลังร่วมกันสืบสวนหาสาเหตุของการระเบิดดังกล่าว
แถลงการณ์ของตำรวจระบุยังไม่ได้สรุปเกี่ยวกับสาเหตุของการระเบิดในย่านลิเวอร์พูล เพียงแต่เผยว่า รถยนต์คันที่เกิดเหตุระเบิดนั้น เข้าใจว่าเป็นรถแท็กซี่ที่เพิ่งเข้ามาจอดใกล้บริเวณโรงพยาบาลได้ไม่นานก่อนที่จะเกิดการระเบิดขึ้นในช่วงเวลาประมาณ 11.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น
ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า เหตุระเบิดในย่านลิเวอร์พูล ผู้เสียชีวิตเป็นผู้โดยสารเพศชายของรถคันที่เกิดระเบิด ส่วนผู้บาดเจ็บคือคนขับ ซึ่งขณะนี้ถูกส่งเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและยังคงมีอาการคงที่ ตำรวจขอให้ประชาชนอยู่ในความสงบ อย่าตื่นตระหนกแต่ให้เพิ่มความระมัดระวัง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
• รถบรรทุกน้ำมันระเบิด กรุงฟรีทาวน์ เมืองหลวงเซียร์ราลีโอน
• กระทรวงความมั่นคงภายในสหรัฐฯ เตือนภัยด้านการก่อการร้าย
• ระเบิดมัสยิดอัฟกานิสถาน เสียชีวิตแล้ว 50 เจ็บมากกว่า 100
เหตุการณ์ระเบิดครั้งนี้เกิดขึ้นในเวลาใกล้เคียงกับขณะที่กำลังมีการจัดพิธีรำลึกถึงผู้เสียชีวิตในสงครามที่มหาวิหารเมืองลิเวอร์พูลซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลกันนัก
นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ โพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์ส่วนตัววานนี้แสดงความเสียใจต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ระเบิดในย่านลิเวอร์พูลครั้งนี้ และแสดงความขอบคุณเจ้าหน้าที่หน่วยสาธารณภัยฉุกเฉินที่ปฏิบัติการอย่างมืออาชีพและรวดเร็ว รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังติดตามสืบสวนเรื่องนี้ ตำรวจระบุว่า ในเบื้องต้นยังไม่มีการประกาศว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นปฏิบัติการก่อการร้าย
ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางการสหรัฐอเมริกาโดยกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐอเมริกา หรือ DHS ก็เพิ่งมีประกาศเตือนภัยเผยแพร่เมื่อวันที่ 10 พ.ย. ให้ประชาชนเฝ้าระวังการก่อเหตุจากกลุ่มนิยมความรุนแรงภายในประเทศ (Domestic Violent Extremists- DVEs) และกลุ่มนิยมแนวทางรุนแรงที่ได้รับแรงบันดาลใจจากกลุ่มก่อการร้ายสากล ที่อาจเกิดขึ้นในช่วงปลายปีนี้
โดยทาง DHS ได้เตือนให้ประชาชนเตรียมพร้อมสำหรับ “สถานการณ์ฉุกเฉิน” และเพิ่มความระมัดระวังกับสถานการณ์ที่อาจเกิดความเสี่ยงกับตนเอง รวมถึงขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่นหรือ FBI ในกรณีที่พบเห็นเหตุการณ์ที่น่าสงสัยหรือเหตุการณ์ที่อาจก่อให้เกิดความไม่สงบ ซึ่งรวมถึงภัยคุกคามในโลกออนไลน์