svasdssvasds

ตรวจATK ทุกวันต้นทุนชีวิตที่เพิ่มขึ้น หากเปลี่ยนเป็นเงินออมจะดีไม่น้อย

ตรวจATK ทุกวันต้นทุนชีวิตที่เพิ่มขึ้น หากเปลี่ยนเป็นเงินออมจะดีไม่น้อย

ถามจริง ! ทุกวันนี้เสียค่าตรวจATK กันเดือนเท่าไหร่ นั่นคือต้นทุนชีวิตที่เพิ่มขึ้น หลายคนบอกหากเปลี่ยนเป็นเงินออมจะดีไม่น้อย วันนี้จะพาไปดูว่าช่วงอายุเท่าไหร่ควรออมแบบไหน

ถามจริง ! ค่าตรวจATK เสียกันเดือนเท่าไหร่

ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่ายุคโควิด-19 จะไปไหนมาไหนก็ลำบาก จะเข้านอก ออกใน ขึ้นตึกลงตึกก็ต้องตรวจ ATK บางคนแทบจะตรวจทุกวัน ซึ่งค่าตรวจATK ก็เป็นอีกหนึ่งต้นทุนของชีวิตมนุษย์อย่างเราๆ ให้เพิ่มสูงขึ้น ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ต้นทุนค่าครองชีพพุ่งไปอีก ค่าตรวจATKก็แสนจะแพง เดือนหนึ่งๆตรวจทุกวันก็คงเป็นเงินหลายพันบาท หลายคนบอกว่าถ้าเปลี่ยนเงินค่าซื้อที่ตรวจATK มาเป็นเงินเก็บ เงินออมจะดีไม่น้อย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

ถ้าเปลี่ยนเงินจากค่าตรวจATK เป็นเงินออมจะดีไม่น้อย

#สปริงนิวส์ ได้ลองคำนวณดูว่าถ้าหมดทั้งเดือนเราเสียค่าตรวจATKไป 1,500 บาท เท่ากับ ปีหนึ่งเงินออมหายไป 18,000 บาท ถ้าใครเสียมากกว่านั้นก็ลองคำนวณดูว่าปีหนึ่งๆคุณจะเสียค่าเงินไปจำนวนมหาศาล เพิ่มรายจ่ายให้กับตรวจเอง และครอบครัว ในยุคที่เงินหายาก ของทุกอย่างในท้องตลาดที่ปรับตัวสูงขึ้นทุกวัน แต่ใครที่ยังมีเงินออมก็ถือว่าดีมากๆ

 

 

ว่าด้วยเรื่องเงินออม หรือออมเงิน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)  โดย Krungsri Guru ได้เผย วิธีออมเงินให้เหมาะกับวัย ควรทำอย่างไรดี

คุณออมเงินกันในรูปแบบไหน

-ช่วงอายุระหว่าง 20-30 ปี

เป็นช่วงที่เรียนจบแล้ว เริ่มต้นการทำงาน ภาระ หนี้สินต่าง ๆ ยังไม่มีมาก ซึ่งทางลัดที่จะช่วยให้เรียนรู้ระบบการออมเงินได้ดีที่สุด คือ ต้องหาต้นแบบที่ดี เพราะจะช่วยให้เรียนรู้วิธีการจัดการเรื่องการเงินอย่างเป็นระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ  อาจเริ่มนำเงินออม ตราสารทุนแบบหุ้นระยะยาว ลงทุนในระยะยาวหุ้นจะมีทิศทางที่เพิ่มขึ้น คือยังไงก็ได้กำไร อาจเก็บเงินออมไว้ในเงินฝากธนาคาร และตราสารหนี้บ้างก็ได้ เพราะได้อัตราดอกเบี้ยที่แน่นอน

-ช่วงอายุระหว่าง 31-40 ปี

เป็นช่วงที่หน้าที่การงานที่เริ่มคงที่และมีความก้าวหน้าขึ้นย่อมส่งผลให้มีรายได้ที่สูงขึ้นด้วย จึงควรออมเงินเก็บในช่วงนี้ไว้ให้มาก ๆ การออมเงินควรแบ่งไว้สำหรับลงทุนสักครึ่งหนึ่ง และแบ่งเก็บไว้ในหลักทรัพย์ เช่น ฝากธนาคาร ตราสารหนี้เอาไว้ เงินที่แบ่งไว้ลงทุนก็อาจจะนำไปลงทุนในหุ้นที่มีปันผลมากและแน่นอนมีความเสี่ยงน้อย หรืออาจนำไปลงทุนธุรกิจส่วนตัวตามความชอบได้

-ช่วงอายุระหว่าง 41-55 ปี

เป็นช่วงอายุที่มีรายได้สูง มีความมั่นคงมาก ควรนำเงินออมส่วนใหญ่ไปฝากไว้กับธนาคารหรือไปลงทุนในตราสารหนี้ ไม่ควรนำไปลงทุนกับอะไรที่มีความเสี่ยงสูง เพราะเป็นวัยที่มีภาระผูกพันแล้ว หากไม่มีเงินเก็บ อาจจะเกิดปัญหาด้านการเงินในยามฉุกเฉินได้

-ช่วงอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป

ช่วงที่เริ่มเข้าสู่วัยเกษียณ วัยนี้ควรเน้นไปที่การออมให้ได้เกินครึ่งขึ้นไป จะนำไปฝากธนาคารเพื่อไว้กินดอกเบี้ยหรือซื้อตราสารหนี้ต่าง ๆ อาจจะนำเงินออมไปลงทุนเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ แต่ไม่ควรลงทุนกับธุรกิจที่มีความเสี่ยง

 

 

related