svasdssvasds

ส.ว.สมชาย แนะ กกต. 5 ขั้นตอน ตรวจสอบ "พิธา" ถือหุ้นสื่อไอทีวี ควรเร่งดำเนินการ

ส.ว.สมชาย แนะ กกต. 5 ขั้นตอน ตรวจสอบ "พิธา" ถือหุ้นสื่อไอทีวี ควรเร่งดำเนินการ

สมชาย แสวงการ แนะ 5 ขั้นตอนที่ กกต. ควรดำเนินการ กรณีถือหุ้นสื่อไอทีวีของ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ชี้คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ผูกพันทุกองค์กร

จากกรณีการถือหุ้นสื่อ บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นเรื่องที่สังคมกำลังจับตามองท่าทีของหลายภาคส่วนไม่ว่าจะเป็น กกต., ป.ป.ช. และศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งหลายฝ่ายมีคำถามว่า เรื่องนี้สุดท้ายแล้ว จะจบลงอย่างไร 

 ล่าสุด นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เสนอ 5 ขั้นตอน ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.เร่งดำเนินการ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 151 โดยระบุว่า

ขอเสนอความเห็นเพื่อ กกต.พิจารณาดำเนินการตามที่เห็นสมควรในขั้นตอนต่างๆ ดังนี้

1) รับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.ของนายพิธา โดยเร็วหรือภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไม่เกิน 60 วัน นับแต่วันเลือกตั้ง

2) หลังการรับรอง ส.ส.แล้ว กกต.ต้องเป็นผู้ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเองในฐานะความปรากฎแก่กกต. โดยใช้ตามมาตรา 82 ของรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า

2.1 นายพิธาขาดคุณสมบัติและขัดรัฐธรรมนูญตามลักษณะต้องห้ามการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรตามรัฐธรรมนูญมาตรา101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3)

2.2 ขาดคุณสมบัติแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 88 มาตรา 89 และมาตรา 160

กรณีนี้จึงไม่จำเป็นต้องให้สส.เข้าชื่อ1ใน10 ร้องต่อประธานสภา

เพื่อขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญมาตรา82 อีก

เพราะความปรากฎตามที่กกต.รับไว้เองและกกต.ต้องสอบสวนจนมีพยานหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า นายพิธาน่ามีลักษณะต้องห้ามอันเป็นการขาดคุณสมบัติสสและแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีแล้ว จึงร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• ย้อนรอยคดี ถือหุ้นสื่อ ธนาธร อนาคตใหม่ หลังปูดปมร้อน พิธา ก้าวไกล ถือหุ้น ITV

• วิเคราะห์ 4 ข้อ ปมถือหุ้นสื่อ “ธนาธร -พิธา” เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร ?

• ด่วน! กกต.มีมติไม่รับ 3 คำร้อง "พิธา" ปมถือหุ้นสื่อไอทีวี แต่รับคำร้อง ม.151

3) กกต.ร้องขอต่อศาลรัฐธรรมนูญให้นายพิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่ เช่นเดียวกับคดีอื่นๆที่ผ่านมา เช่นคดีที่กกต ร้องคดีนายธนาธร หรือ คดีที่ สส.พรรคร่วมฝ่ายค้านเข้าชื่อร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญคดีวาระ 8 ปี ของพลเอกประยุทธ์ ฯลฯ

โดยขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคําสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลจะมีคําวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสอง

และขอให้มีคําสั่งกําหนดมาตรการหรือวิธีการใด ๆ เป็นการชั่วคราวก่อนการวินิจฉัยตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561มาตรา 71

4) กกต.ยื่นดำเนินคดีอาญาต่อเจ้าพนักงาน ตำรวจ อัยการ ในความผิดตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสส มาตรา 151 ประกอบมาตรา 42 (3)

ในข้อหารู้อยู่แล้วว่า ตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทำหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อของตนเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ กรณีถือหุ้นสื่อITV

: คดีนี้มีบทลงโทษจำคุก 1-10 ปี โทษปรับ 20,000-200,000 บาท

และตัดสิทธิการเมือง 20 ปี

5) อัยการพิจารณาคำสั่งฟ้องตามความผิดฐานดังกล่าวต่อนายพิธาหรือไม่

*เรื่องนี้เป็นกรณีที่กกต.ควรต้องสอบสวนและมีพยานหลักฐานให้หนักแน่นชัดเจนอย่างยิ่ง

เพราะอัยการสูงสุดเคยมีคำสั่งชี้ขาดไม่ฟ้องนาย ธนาธร มาแล้ว

โดยคดีดังกล่าว อัยการระบุว่า พยานหลักฐานไม่เพียงพอที่จะสั่งฟ้อง

และดูเจตนาจากพยานหลักฐานแล้ว น่าจะไม่มีความผิดกฎหมายอาญา

ถึงแม้ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยเรื่องคุณสมบัติของการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ของนายธนาธร ให้พ้นสมาชิกภาพความเป็นสส.ไปแล้วก็ตามแต่อัยการสูงสุดก็ยืนยันมีคำสั่งชี้ขาดไม่ฟ้องนายธนาธรมาแล้ว

โดยถือว่าเป็นการพิจารณากฎหมายคนละฉบับกัน

#คำวินิจศาลรัฐธรรมนูญเป็นที่สุดและผูกพันทุกองค์กร

ที่มา : สมชาย แสวงการ

 

related