ศึกชิง “หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์” กับโอกาส “อภิสิทธิ์” รีเทิร์น ?

จากผลการเลือกตั้งที่ผ่านมา ที่ “พรรคประชาธิปัตย์” พรรคการเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองไทย ได้ ส.ส. เพียง 25 คน น้อยกว่าการเลือกตั้งครั้งก่อน (ปี 2562) กว่าเท่าตัว ทำให้ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” แสดงความรับผิดชอบด้วยการประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค นำไปสู่ การโหวตเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ เมื่อวันที่ 9 ก.ค. ที่ผ่านมา

แต่จากเหตุการณ์ “องค์ประชุมล่ม” ทำให้การโหวตเลือกหัวหน้าพรรค ต้องเลื่อนออกไปอีก โดยตามข้อกำหนดของพรรคแล้ว จะต้องมีการจัดประชุมและโหวตเลือกหัวหน้าพรรคให้ได้ ไม่เกินวันที่ 13 ก.ค. นี้

ซึ่งจากเหตุการณที่เกิดขึ้นในวันที่ 9 ก.ค. ก็สะท้อนให้เห็นว่า โอกาสที่ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” จะรีเทิร์นกลับมาในตำแหน่ง “หัวหน้าพรรค” ก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายๆ เลย

โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากเงื่อนไขการนับคะแนน 70 ต่อ 30 โดย ส.ส. ปัจจุบัน จำนวน 25 คน จะมีน้ำหนักคะแนน 70 % ส่วน อดีต ส.ส. อดีตรัฐมนตรี อดีตผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และอดีตหัวหน้าพรรค จะมีน้ำหนักคะแนนเพียง 30 %

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• “ดร.เอ้” ปัดชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อลงกรณ์ สละสิทธิ์ ไม่เข้าร่วมประชุม

• เลือก “หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์” ล่ม องค์ประชุมไม่ครบ

• "มัลลิกา” ชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะเปลี่ยนแปลงพรรค ให้ทันสมัย

ซึ่งศึกชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคในครั้งนี้ แบ่งออกเป็น 2 ขั้วหลักๆ ได้แก่ขั้วของ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” อดีตหัวหน้าพรรค ที่มี อดีต ส.ส. , อดีตรัฐมนตรี , อดีตผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และอดีตหัวหน้าพรรค ให้การสนับสนุนเป็นกำลังสำคัญ

ในขณะที่อีกขั้วหนึ่งเป็นของ “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” รักษาการเลขาธิการพรรค กับ เดชอิศม์ ขาวทอง (นายกชาย) รักษาการรองหัวหน้าพรรค ที่มีกำลังหลักเป็น ส.ส. ในปัจจุบัน

ซึ่งว่ากันว่า ส.ส. ที่อยู่ในกลุ่มของ “เฉลิมชัย” กับ “เดชอิศม์” มีจำนวน 19 คน จากจำนวน ส.ส. ประชาธิปัตย์ทั้งหมด 25 คน หากคิดเป็นสัดส่วนก็สูงถึง 76 % ดังนั้นหากโหวตเลือกหัวหน้าพรรค ด้วยข้อกำหนด 70 ต่อ 30 ก็มีแนวโน้มว่า กลุ่มของ “เฉลิมชัย” กับ “เดชอิศม์” จะได้รับชัยชนะในระดับขาดลอย

โดยกลุ่มของอภิสิทธิ์ ก็ส่ง “อภิสิทธิ์” เข้าชิงตำแหน่ง หวังรีเทิร์นฟื้นฟูพรรคให้โดดเด่นบนเวทีการเมืองอีกครั้ง ส่วนกลุ่มของ “เฉลิมชัย” กับ “เดชอิศม์” เดิมทีมีกระแสข่าวว่าจะส่ง “ดร.เอ้ - สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์” เข้าประชัน แต่ “ดร.เอ้” ก็ขอบาย จึงสนับสนุนให้ “นราพัฒน์ แก้วทอง” รักษาการรองหัวหน้าพรรค เข้าชิงชัยตำแหน่งดังกล่าว

ซึ่งจากความเสียเปรียบด้วยจำนวน ส.ส.ปัจจุบัน ทำให้ “สาธิต ปิตุเตชะ” รักษาการรองหัวหน้าพรรค เสนอในที่ประชุมให้ยกเว้นข้อบังคับพรรคที่ 87 ในการนับคะแนนด้วยสัดส่วน 70 ต่อ 30 สำหรับการโหวตเลือกหัวหน้าพรรคในครั้งนี้ แต่ข้อเสนอดังกล่าวก็ถูกที่ประชุมปัดตกไป รวมถึงข้อเสนอให้ขยายเวลาในการเลือกหัวหน้าพรรคออกไปก่อน  60 วัน ก็ถูกปัดตกไปอีกเช่นกัน

กระทั่งมาถึงเหตุการณ์ “องค์ประชุมไม่ครบ” โดยมีการนับ 2 รอบในช่วงบ่าย ทำให้ประธานต้องสั่งยุติการประชุม ซึ่งตรงนี้จะเป็น “การแก้เกม” อย่างฉุกเฉินหรือไม่ก็ตามที แต่อย่างน้อยๆ การยืดเวลาออกไปก่อน ทำให้ “กลุ่มอภิสิทธิ์” ยังพอมีความหวังอยู่

โดยเมื่อวันที่ 9 ก.ค. กลุ่ม “เฉลิมชัย” กับ “เดชอิศม์” ได้มีการวางตัวทั้งหัวหน้าพรรค และเลขาฯ พรรคคนใหม่ไว้ครบ หัวหน้าก็คือ “นราพัฒน์ แก้วทอง” ตามที่กล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ ส่วน “เลขาฯ พรรค” ก็คือ  “เดชอิศม์ ขาวทอง”

ในขณะที่กลุ่ม “อภิสิทธิ์” ยังเว้นว่างตำแหน่ง “เลขาฯ พรรค” ไว้ เหมือนเป็นการเปิดพื้นที่เพื่อนำไปสู่การเจรจาต่อรอง ดังนั้นการรีเทิร์นของ “อภิสิทธิ์” ในตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็ยังไม่ถึงขั้นหมดหวังสักทีเดียว ส่วนจะเป็นไปได้หรือไม่นั้น ก็เป็นเรื่องที่ต้องจับตาและติดตามกันต่อไป