"หลานอดีตรัฐมนตรี" เข้ารับทราบข้อหาข่มขืน ยันมีหลักฐานแจง อ้างถูกแบล็กเมล

 ช่วงเช้าวันนี้ นายอภิดิศร์ อินทุลักษณ์ หลานอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกของพนักงานสอบสวน สน.โชคชัย กรณีดาราสาววัย 21ปี แจ้งความว่าถูกมอมยาและข่มขืนภายในรีสอร์ตพูลวิลล่า เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ เมื่อคืนวันที่ 9 ส.ค. 2565

 โดยนายอภิดิศร์ เผยว่า วันนี้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ไม่มีการหลบหนี เพราะหมายเรียกระบุลงวันที่ให้มาพบคือ 29 ส.ค. และขอโชว์หน้าจริงให้ทุกคนได้เห็น เพราะความจริงไม่มีวันตาย พร้อมยืนยันว่าไม่มีคอนเน็กชั่นกับตำรวจ และไม่ได้โทรหาตำรวจ ไม่รู้จักใครด้วย

 ซึ่งในวันนี้ได้นำหลักฐานมามอบให้กับพนักงานสอบสวนที่ยืนยันได้ว่า ตนเองถูกแบล็กเมล และมีหลักฐานที่จะชี้แจงได้ทั้งหมด เป็นหลักฐานสำคัญ เพื่อยืนยันว่าตนเองไม่ผิด และข้อกล่าวหาที่ผู้หญิงกล่าวหาไม่เป็นความจริง

 เมื่อถามว่า ที่ว่าถูกแบล็กเมลคือ เคยมีการเรียกผลประโยชน์มาแล้วใช่หรือไม่ นายอภิดิศร์ ยิ้มกรุ้มกริ่ม พยักหน้า แล้วพูดเพียงว่า "ให้ดูหน้าตนเอง" พร้อมย้ำว่าตนเองไม่ผิดแม้แต่เพียงข้อเดียวที่ถูกกล่าวหา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• ทนายนิด้า แนะ คดีข่มขืน อายุความกี่ปี? เสื้อผ้า ใช้เป็นหลักฐานดำเนินคดีได้

• เปิดรายละเอียด 14 หญิงสาวอ้างถูก "ปริญญ์" อดีตนักการเมืองดัง อนาจาร-ข่มขืน

• จับหน้าอก แตะก้น ข่มขืน พฤติกรรมคุกคามทางเพศ สร้างบาดแผลวงการนางงาม

 นายอภิดิศร์ ยอมรับว่า วันดังกล่าวไปเจอกันจริง โดยก่อนหน้านั้นน้องผู้เสียหาย ทักแชทไอจีมา บอกว่าเขาทะเลาะกับพี่สาว และบอกว่าอยู่สยามคนเดียว ไปเดินเล่นซื้อของ และก็คุยเล่นกัน จนประมาณสี่ทุ่มครึ่ง น้องเขาบอกว่าจะไม่กลับห้อง และให้ตนเองแนะนำโรงแรมให้ พอจะมีหรือไม่ และตนเองได้ถามว่าจะเอาโรงแรมที่ไหน และน้องผู้เสียหายได้ระบุว่า เป็นโรงแรมแถวสุขุมวิท เลียบทางด่วน เกษตรฯ อารีย์ ซึ่งตนเองได้แนะนำแถวสุขุมวิท ประมาณ 4,500 บาท และน้องผู้เสียหายบอกว่าแพงจัง และในวันดังกล่าวตนเองไม่ได้ไปส่งที่โรงแรมอย่างเดียว แต่อยู่ที่โรงแรมด้วย ส่วนรายละเอียดที่เกิดขึ้นภายในห้อง ตนเองมีหลักฐานทั้งหมด โดยในวันนั้นตนเองได้นำโซจู รสต่างๆ ไปด้วยเพียงอย่างเดียว ซึ่งยืนยันได้ว่า ทุกอย่างมีหลักฐานทั้งหมด

 ส่วนความสัมพันธ์รู้จักกันได้อย่างไรนั้น ยอมรับว่า ตนเองทักไดเร็กแมสเซสไปหาก่อนจริง เพราะต้องการจะจ้างให้รีวิวสินค้าให้ ซึ่งเป็นการรู้จักกันไม่ถึง 3 สัปดาห์ และไม่ได้มีการคบหากัน

 ทั้งนี้ยอมรับว่า พอทราบข่าวก็รู้สึกตกใจมาก และเมื่อดูข่าวแล้วถูกกล่าวหาเรื่องทำร้ายร่างกาย ข่มขืนกระทำชำเรา และมอมยา ยิ่งตกใจ ซึ่งตนเองยืนยันว่า หลักฐานที่มีจะสามารถยืนยันได้ว่า ไม่มีการมอมยาแน่นอน

 ส่วนกรณีที่ อาโทรไปหาผู้เสียหาย แล้วมีการบันทึกเสียงไว้นั้น นายอภิดิศร์ ระบุว่า เมื่อแม่ทราบว่ามีหมายส่งมาที่บ้านก็ไปบอกคุณอา และคุณอาทราบเรื่องก็คาดว่าน่าจะเดือด เป็นห่วงหลานชายจึงโทรไปหาฝ่ายผู้หญิงโดยที่ยังไม่ได้ฟังรายละเอียดจากทางหลานชาย จึงขออภัยแทนคุณอาด้วย และที่ว่าทนายตั้มบันทึกเสียงนั้นไม่ได้บอกว่าจะบันทึก แต่อ้างว่าเป็นพี่ชาย และคลิปเสียงที่ปล่อยออกมา เป็นการปล่อยออกมาไม่หมด และคุณอาพูดจาดีมาก ซึ่งก็ได้บันทึกเสียงไว้เช่นกัน จึงทำให้ทราบว่า คลิปเสียงที่สื่อมวลชนได้โดนตัดไปหลายช่วง

 และตอนนี้ข่าวที่ออกไปทำให้วงศ์ตระกูลของตนเองเสียหายมาก และคุณตาเป็นอดีตรัฐมนตรี 40-50 ปีมาแล้ว และเสียชีวิตไปแล้ว การเอารูปคุณตาออกมาทำให้ตนเองรู้สึกเสียใจมาก เพราะคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มีแค่ตนเอง จึงไม่อยากให้เอาครอบครัวมาเกี่ยวข้องจึงอยากขอความเป็นธรรมในเรื่องนี้ พร้อมทั้งยอมรับว่ากังวลที่ข่าวออกไป เพราะว่าข้อกล่าวหาที่ออกไปไม่ใช่เรื่องจริง

   ทั้งนี้ ตนเองขอขอบคุณทนายตั้มที่ ช่วยเหลือน้องๆ เพราะหากเป็นตนเองมีข้อมูลฝ่ายเดียวและผู้หญิงถูกกระทำ ก็ต้องเข้าไปช่วยเหลือ และตนเองก็เป็นสุภาพบุรุษมากพอ หากผู้หญิงไม่ยอมก็ไม่ไปข่มขืน แต่ก็ขอฝากไปด้วยว่า ตนเองเคารพและชื่นชมทนายตั้ม จึงไม่อยากให้ฟังความฝ่ายเดียวและเข้าข้างคนผิด และหลังจากรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ตนเองจะเปิดเอกสาร หลักฐาน บางอย่างให้ได้รับทราบอีกครั้ง

 ด้านพ.ต.อ.พรทวี สมวงค์ ผกก.สน.โชคชัย บอกด้วยว่า หลังจากที่นายอภิดิศร์ เข้าพบพนักงานสอบสวน และรับทราบข้อกล่าวหาข่มขืนกระทำชำเรา แล้วจะนำส่งศาลอาญารัชดา เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง ซึ่งเป็นดุลยพินิจของศาลว่าจะรับฝากขัง หรือปล่อยตัวชั่วคราว เพราะผู้ต้องหาเข้ามาพบตำรวจด้วยตนเอง 

 ส่วนที่ผู้เสียหาย อ้างว่า มีหลักฐานแชทบางอย่างหาไป ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญนั้น มีรายงานข่าวว่า เอกสารไม่ได้หายไปไหน ยังอยู่ที่พนักงานสอบสวนครบตามที่เคยได้นำหลักฐานไปขออนุมติหมายจับครั้งแรก แต่ที่ผู้เสียหายเข้าใจผิด เนื่องจากนำหลักฐานกลับคืนไปไม่ครบ