ส.อ.ท. เชื่อน้ำไม่ท่วมโรงงานอยุธยาหนักเท่าปี 54 แต่เตรียมรับมือไว้แล้ว

ในขณะที่พื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยาหลายแห่งเริ่มมีน้ำไหลเข้าท่วม และปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้น คำถามที่ตามมา คือ นิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งจะเจอกับภาวะน้ำท่วมหนักเหมือนปี 2554 หรือไม่ ? นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ยอมรับกับ SPRiNG สปริงนิวส์ในงาน "Thailand Economic Outlook 2023" ของ กรุงเทพธุรกิจ ฉลองก้าวสู่ปีที่ 36  ว่า น้ำท่วมปีนี้ภาคอุตสาหกรรมฯ เป็นห่วง ว่าสถานการณ์ จะเป็นเหมือนปี 2554 ซึ่งเปรียบเสมือนฝันร้าย เพราะ 7 นิคมอุตสาหกรรม โรงงานนับ 1,000 แห่งเจอ น้ำท่วม และจมน้ำ ไม่อยากให้เกิดอีก จึงมีการวางมาตรการ เฝ้าระวัง

โดยนิคมอุตสาหกรรมในเขตเดิม ที่เคยถูกน้ำท่วม ระวังและเช็คสถานการณ์ตลอด ซึ่งเท่าที่ดูสถานการณ์ไม่แย่เหมือนปี 2554 แน่นอน เพียงแต่ว่า ประมาทไม่ได้ สำหรับนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ และ นิคมอุตสาหกรรมนวนคร ผู้บริหารโครงการเฝ้าระวัง และเชื่อว่ามีวอร์รูมในการมอนิเตอร์สถานการณ์ตลอด  นอกจากนี้มองว่า เรื่องสถานการณ์น้ำ ภาคเอกชน เป็นฝ่ายตั้งรับแต่ฝ่ายที่จะดูแลการบริหารจัดการน้ำ สามารถบริหารจัดการได้ ต่างคนต่างทำหน้าที่ของกันให้ที่สุด 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• ธปท. ชี้ ค่า GDP ของไทยโตขึ้น 3% เงิน 38 บาทต่อดอลลาร์ไม่ได้แปลว่าขาดเสถียรภาพ

• คาดการณ์มวลน้ำภาคกลาง 56 ชั่วโมงก่อนถึงกรุงเทพ ปัจจัยเฝ้าระวังท่วมหรือไม่

• น้ำท่วมเชียงใหม่ฉับพลัน กระทบกรุงเทพฯ พื้นที่อื่นอย่างไร โดย อ. สนธิ คชวัฒน์

สรุปคือ ไม่เกิดน้ำท่วมดีที่สุด แต่ถ้าท่วมแล้วไม่ต้องท่วมทั้ง 7 นิคมอุตสาหกรรม เพียงแค่ 1-2 นิคมฯจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนแน่นอน

“เป็นเดิมพันสำคัญที่เราต้องช่วยกัน เฝ้าระวัง คนที่เกี่ยวข้องก็ต้องช่วยกันเต็มที่ ถ้าเกิดเราผ่านไปได้ เราก็จะสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศแน่นอน”

ล่าสุดทุกโรงงานในอยุธยา เตรียมกระสอบทราย เตรียมเครื่องสูบน้ำ เตรียมทุกอย่างแล้ว วางแผนกันอยู่หวังว่าคงจะไม่รุนแรง  นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ระบุว่า สิ่งที่น่ากลัวขณะนี้ คือ น้ำไปท่วม ไร่ นา สวน ต่างๆ เพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่ภาคการเกษตรกำลังได้ประโยชน์จากการที่โลกมีปัญหาเรื่องการขาดแคลนอาหาร 

จะเห็นว่าปีนี้ การส่งออกอาหารของไทยเติบโตช่วง 8 เดือน (ม.ค.-ส.ค.65) เติบโต 29.3% จากที่คาดการณ์ว่าปีนี้จะเติบโต 10-15% เชื่อว่าจนถึงสิ้นปีจะเติบโตมากกว่า 30% แน่นอน  

จะเห็นได้ว่าพื้นที่ทางการเกษตรของ เกิดได้รับผลระทบก็จะทำให้โอกาสเสียไป และจะซ้ำเติม ภาวะเงินเฟ้อ เพราะอาหารการกินก็จะแพงขึ้น จึงหวังว่า สถานการณ์จะคลี่คลายไปได้โดยเร็ว ฝากหน่วยงานเกี่ยวข้องช่วยกันเฝ้าระวัง และหาแผนในการรองรับ