สรุปให้ม้วนเดียวจบ กรณีดราม่าว่ายน้ำข้ามโขงของ "โตโน่ ภาคิน" เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์หนักหน่วง ตั้งแต่วันแรกที่ประกาศทำโครงการ จนใกล้ถึงวันจริง
หลังจากพระเอกมาดเท่ "โตโน่ ภาคิน" ประกาศว่าจะทำโครงการ "One Man & The River หนึ่งคนว่าย หลายคนให้" ซึ่งเป็นการว่ายน้ำข้ามโขงตัวเปล่า 15 กิโลเมตร จากลานพญาศรีสัตตนาคราช-ศาลาท่าน้ำแสงสิงแก้ว-พระธาตุศรีโคดตะบอง โดยจะทำกิจกรรมในวันที่ 22 ตุลาคม 2565 นี้ จุดประสงค์เพื่อระดมทุนให้กับโรงพยาบาลไทยและสปป.ลาว
ซึ่งตั้งแต่วันแรกที่ประกาศว่าจะทำโครงการดังกล่าว ชื่อของ โตโน่ ภาคิน ก็กลายเป็นที่สนใจของสังคม เนื่องจากหลายคนเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยในการว่ายน้ำข้ามโขง จนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ส่งผลให้แฮชแท็ก #โตโน่ ขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์อยู่บ่อยครั้ง งานนี้ดราม่าของโตโน่จะมีประเด็นอะไรบ้าง "สปริงบันเทิง" ได้สรุปให้แล้วดังนี้
ดราม่าคุณหมอ-พยาบาลเสี่ยงกว่าผม
- โตโน่ เปิดใจในรายการหนึ่ง ยืนยันจะไม่หยุดว่ายน้ำข้ามโขง โดยให้เหตุผลว่า "คุณหมอและพยาบาลเสี่ยงกว่าผมหลายเท่า ในสิ่งที่เขาทำงานอยู่ ถ้าเกิดว่าอันตราย จนลงไม่ได้และเสี่ยงกับทุกๆ คน ตนไม่ทำอยู่แล้ว"
- จากนั้นชาวเน็ตก็เสียงแตกเป็นสองฝั่ง ทั้งส่วนที่ชื่นชมในเจตนาที่ดีของโตโน่ และส่วนที่ดราม่าหนัก ไม่เห็นด้วยกับการว่ายน้ำข้ามโขง มองว่าหมอและพยาบาลเสี่ยงกว่าหลายเท่า หากมีอุบัติเหตุใดๆ เกิดขึ้นระหว่างว่ายน้ำ อาจทำให้พวกเขาลำบากกว่าเดิม
- ทั้งยังบอกเข้าใจว่ามีเจตนาดี แต่การช่วยสังคมด้วยการว่ายน้ำข้ามโขงนั้น มันผิดและเสี่ยงชีวิตเกินไป น่าจะไปทำกิจกรรมช่วยเหลือทางอื่น เช่น ควรไปช่วยน้ำท่วม เพราะเป็นการช่วยเหลือสังคมที่ไม่ลำบากคนอื่น
- ต่อมา โตโน่ ได้ไลฟ์ในอินสตาแกรม ยืนยันความตั้งใจว่าจะขอเดินหน้าซ้อมว่ายน้ำต่อ โดยบอกว่า "ผมถนัดแบบนี้ ผมก็พยายามช่วยในสิ่งที่ผมพอจะทำได้ และได้ยินว่าตอนนี้ผมกำลังดังในทวิตเตอร์ ผมดังอีกแล้ว ผมเหนื่อยจังเลยกับความดังของผม"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โตโน่ เคยชื่นชม เจ้าหน้าที่ ไม่คิดค่าใช้จ่ายสักบาท คนโยงปมดราม่าอุโมงค์น้ำ
จุฬาฯ แจงดราม่าปม "โตโน่" ใช้อุโมงค์น้ำ คนภายนอกเสียค่าใช้จ่าย ไม่ได้ใช้ฟรี
ผจก. โตโน่ ภาคิน แจงดราม่างบจัดว่ายน้ำข้ามโขง ยันไม่ได้ใช้งบประมาณรัฐ
ดราม่างบประมาณจัดงาน
- หลังจาก โตโน่ เดินหน้าซ้อมว่ายน้ำต่อ ไม่นานก็เกิดดราม่าระลอกใหม่ โซเชียลได้แห่แชร์เอกสารสรุปการประชุม เพื่อเตรียมจัดงานโครงการว่ายน้ำข้ามโขง ซึ่งมีการเตรียมงานทั้งสิ้น 33 รายการ พร้อมระบุชื่อหน่วยงานใน จ.นครพนม ที่ต้องรับผิดชอบ
- เอกสารที่หลุดออกมานั้น ยังระบุสิ่งที่ต้องซัพพอร์ตโตโน่ อาทิเช่น การจัดทีมแพทย์ ชุดป้องกันภัยทางน้ำ ติดตามทีมว่ายน้ำ, การจัดเวที แสง สี เสียง, อาหาร เครื่องดื่ม, ทีมนางรำบวงสรวง, การจัดการจราจร รถนำขบวน, การประสานงานข้ามแดนกับแขวงคำม่วน สปป.ลาว เป็นต้น
- ภายหลังเอกสารเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตก็แสดงความคิดเห็นกันกระหน่ำ โดยชาวเน็ตส่วนใหญ่ตั้งคำถามเรื่องงบประมาณในการจัดทำโครงการว่าใครเป็นคนจ่าย ใช้ภาษีประชาชนหรือไม่
- พร้อมย้อนถามว่าโตโน่มีความตั้งใจจะว่ายน้ำคนเดียว ตามชื่อโครงการ "One Man & The River หนึ่งคนว่าย หลายคนให้" แต่ทำไมถึงมีหน่วยงานลงไปซัพพอร์ตหลายองค์กร
- ต่อมา เมย์ ผู้จัดการของโตโน่ได้ออกมาชี้แจงว่า งบออแกไนซ์จัดงานว่ายน้ำข้ามโขง ได้มาจากผู้สนับสนุนเต็มใจช่วยบริจาค ซึ่งไม่ได้ใช้งบประมาณรัฐอย่างที่ทุกคนเข้าใจ
- ด้าน นายวชิรเชษฐ์ รองนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองนครพนม เผยว่าทางเทศบาลเมืองมีความพร้อมในการจัดเตรียมพื้นที่ มีอุปกรณ์พร้อมอยู่แล้ว ไม่ได้ใช้งบประมาณของรัฐ มองเป็นการกุศลที่ควรสนับสนุน เป็นการโปรโมทจังหวัดนครพนม กระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัด ไม่ได้มองว่าเป็นภาระ เป็นสิ่งที่ทุกคนจะต้องร่วมมือกันในฐานะเจ้าภาพ
ดราม่าใช้อุโมงค์น้ำ
- นิสิตนักศึกษารายหนึ่งได้ทวีตข้อความว่า ทำไมโตโน่ถึงเข้าไปทดสอบสมรรถภาพทางร่างกายที่อุโมงค์น้ำ ในคณะวิทยาศาสตร์การกีฬา มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งได้ ทั้งที่นิสิตเรียนอยู่ ไม่เคยได้ใช้เพราะได้รับการบอกว่างบประมาณแพง ซึ่งอุโมงค์น้ำนั้น เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ทางการศึกษาของคณะ
- งานนี้ก็เกิดเป็นดราม่าทันที คนมองว่าหากเป็นเช่นนั้นจริง โตโน่ได้ขออนุญาตหรือเสียค่าใช้จ่ายหรือไม่ ต่อมาเพจ CU Sports Science Alumni ได้แนบรูปภาพค่าบริการการใช้โปรแกรมใช้งานอุโมงค์น้ำ และบอกว่า "นิสิตสามารถใช้งานได้ เพื่อการทำทดสอบและงานวิจัย ส่วนบุคคลภายนอก เสียค่าใช้จ่ายตามปกติ"
- ขณะชาวเน็ตอีกด้านก็ขุดโพสต์เก่าของโตโน่ ที่เคยลงคลิปทดสอบสมรรถภาพ พร้อมเขียนข้อความขอบคุณคุณหมอ อาจารย์ เจ้าหน้าที่ของคณะวิทยาศาสตร์การกีฬา จุฬาลงกรณ์ ที่มีน้ำใจไม่คิดค่าใช้จ่ายการทดสอบสมรรถภาพตนสักบาท
- ทำเอาโซเชียลสงสัยว่าทำไมพูดไม่ตรงกัน เกิดคำถามตกลงเสียค่าใช้จ่ายหรือว่าใช้ฟรีกันแน่ และในวันเดียวกันโตโน่ที่เดินทางถึง จ.นครพนม แล้ว ได้ให้สัมภาษณ์ถึงทุกกระแสดราม่าว่า
"ต้องขอกราบขอบพระคุณมีหลายหน่วยงานให้การสนับสนุน รวมถึงกรณีที่มีการทดสอบร่างกายในอุโมงค์น้ำของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง จนกลายเป็นกระแสดราม่าว่าใช้ฟรี ทั้งที่ตนและทีมงานไม่เคยคิดจะใช้ของใครฟรี และไม่ใช้งบประมาณรัฐในการจัดกิจกรรม"
"แต่ในเมื่อมีหน่วยงานต้องการสนับสนุนอนุเคราะห์ให้ใช้ทดสอบร่างกาย เพื่อความพร้อมในการทำกิจกรรมเพื่อสังคม ไม่ใช่เรื่องแปลก ทั้งนี้ตนไม่นำมาเป็นอุปสรรคปัญหา เพราะถามคืนว่าหากกลัวดราม่า คงไม่ต้องทำอะไร การทำความดีไม่ต้องกลัวดราม่า เพราะคงมีทุกวันอยู่แล้ว"
"สำคัญที่สุดต้องทำให้ถึงเป้าหมาย ต้องช่วยเหลือโรงพยาบาลนครพนม รวมถึงโรงพยาบาลแขวงคำม่วน ให้ได้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้ ส่วนจะมากน้อยแค่ไหนขอแค่ได้ทำเพื่อประโยชน์แก่สังคม อย่าเอาการเมือง หรือแบ่งพรรคแบ่งสีมาเกี่ยวข้อง ใครจะเชียร์ใครผมไม่สนใจ"