svasdssvasds

กลิ่นรถกำลังบอกอะไรเรา วิธีเช็กอาการรถยนต์จากกลิ่นไม่พึงประสงค์

กลิ่นรถกำลังบอกอะไรเรา วิธีเช็กอาการรถยนต์จากกลิ่นไม่พึงประสงค์

กลิ่นเหม็นจากรถยนต์ อันตรายกว่าที่คิด บางครั้งเสี่ยงต่อสุขภาพของผู้โดยสาร หรืออาจรุนแรงถึงขั้นไม่ควรเสี่ยงฝืนขับต่อ แต่ควรรีบดับเครื่องยนต์ ออกจากตัวรถ และรีบโทรเรียกรถยกรถลากนำเข้าศูนย์บริการจะดีที่สุด วันนี้จะพาไปดูวิธีเช็กอาการรถยนต์จากกลิ่นไม่พึงประสงค์

รถยนต์นั้นก็มีส่วนคล้ายคลึงกับร่างกายมนุษย์ หากมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น ก็จะส่งสัญญาณเตือนได้เช่นกัน ซึ่งบางทีการส่งสัญญาณเตือนของรถยนต์นั้น บางทีก็จะมาในรูปแบบของกลิ่น โดยแต่ละกลิ่นจะมีการบอกอาการของรถแตกต่างกันไป มาดูกันว่า หากรถของเรามีกลิ่นเหล่านี้ ควรนำไปตรวจเช็กส่วนไหนบ้าง

1.กลิ่นเหมือนผมไหม้

ถ้ามีกลิ่นเหมือนเส้นผมไหม้ ให้เดาได้เลยว่ามีหนูหรือสัตว์เล็กเข้าไปทำรังในรถยนต์หรือเครื่องยนต์รถคุณอย่างแน่นอน ให้เปิดกระโปรงรถแล้วลองสังเกตุดูว่ารังของมันอยู่ตรงไหน เพื่อป้องกันสัตว์เล็กพวกนี้กัดสายไฟ ทำเครื่องยนต์เสียหาย รวมถึงทำให้ชีวิตพวกมันเป็นอันตรายอีกด้วย

2.กลิ่นเหมือนยางไหม้

กลิ่นที่เหมือนกับยางไหม้มักมาจากชิ้นส่วนที่เป็นยาง เช่น สะพานเลื่อน ท่อลมหลวม หรือแม้แต่ถุงพลาสติกที่อาจปลิวไปใต้เครื่องยนต์และสัมผัสกับความร้อนของเครื่องยนต์ วิธีที่ง่ายที่สุดในการตรวจจับกลิ่นคือการตรวจหาว่ามีถุงถุงพลาสติกเข้าไปติดที่เครื่องยนต์หรือไม่

3.กลิ่นหวานเหมือนน้ำเชื่อม

เมื่อรถมีกลิ่นคล้ายกับน้ำตาลหรือน้ำเชื่อม หลายคนอาจคิดว่ากลิ่นนี้ไม่อันตราย แต่จริงๆ แล้วกลิ่นนี้เป็นกลิ่นที่บอกว่ารถของเราอาจมีน้ำหล่อเย็นรั่ว เจ้าของรถควรรีบตรวจสอบทันที หากมีการรั่วไหลให้ทำความสะอาดเบื้องต้นและรีบนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อให้ช่างตรวจเช็กโดยละเอียดอีกรอบ ก่อนที่พวกหนูหรือมดจะมารวมตัวกันและสร้างความเสียหายยิ่งกว่าเดิม

Credit Photo : Freepik

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

4.กลิ่นน้ำมันเบนซิน

ถ้ารถมีกลิ่นเหม็นเหมือนน้ำมันเข้ามาในรถ ให้สันนิษฐานเลยว่าอาจเป็นเพราะหัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิง ท่อน้ำมันเชื้อเพลิง หรือถังน้ำมันของรถอาจมีรอยรั่ว และเสี่ยงเกิดอันตรายจากไฟไหม้ได้ คำแนะนำคือควรจอดรถ ดับเครื่องยนต์ และโทรขอความช่วยเหลือหรือโทรหาช่างจะดีที่สุด

5.กลิ่นไข่เน่า

หลายคนสงสัยว่ารถยนต์จะมีกลิ่นเหมือนไข่เน่าได้ยังไง คงไม่ใช่เพียงเพราะเผลอซื้อไข่หรือของกินแล้วลืมไว้ในรถแน่ๆ แต่นั่นก็เพราะว่าระบบฟอกไอเสียของรถทำงานหนักเกินไป ท่อคาทาไลติกคอนเวอร์เตอร์ (Catalytic converter) อาจกำลังเจอปัญหาชำรุดรั่วซึม จึงส่งกลิ่นแบบนี้ออกมา ควรรีบแก้ไขก่อนที่ท่อดังกล่าวจะแตก ซึ่งค่าใช้จ่ายสำหรับซ่อมหลังจากนี้บอกเลยว่าไม่ใช่ราคาถูกๆ เลย

6.กลิ่นคล้ายพรมไหม้

หากได้กลิ่นคล้ายพรมไหม้ให้คิดได้เลยว่าระบบเบรกของรถเรามีปัญหาอย่างแน่นอน อย่าฝืนขับต่อเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ ให้หาอู่หรือศูนย์บริการที่ใกล้ที่สุด เพื่อทำการตรวจเช็กและซ่อมแซมจะดีกว่า

Credit Photo : Freepik

7.กลิ่นเหมือนขนมปังปิ้งไหม้

ถ้ารถมีกลิ่นเหม็นไหม้เหมือนขนมปังปิ้งรถกำลังบอกว่าระบบไฟกำลังมีปัญหา สายไฟหรือระบบไฟรถกำลังได้รับความเสียหาย อาจจะขาดหรือไหม้ ควรรีบเอารถไปตรวจเช็กก่อนใช้งานเพื่อความปลอดภัยจะดีกว่า

8.กลิ่นเหม็นอับ

กลิ่นนี้เกิดจากการเจริญเติบโตของเชื้อรา ควรตรวจสอบพรม รองเท้า ที่นั่ง ซับใน และเครื่องปรับอากาศ ว่ามีชิ้นส่วนไหนหมดที่สภาพ สามารถกลายเป็นแหล่งบ่มเพาะเชื้อราได้ ดังนั้นให้รีบหาและทำความสะอาดทันที เพราะสิ่งเหล่านี้สามารถเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ ส่งผลให้ผู้ใช้รถและผู้โดยสารมีสุขภาพแย่ลง นอกจากนี้ เชื้อรายังเกิดในเครื่องปรับอากาศได้อีกด้วย ควรหมั่นปิดเครื่องปรับอากาศและเปิดพัดลมด้วยความแรงสูงสุดและเปิดประตูทุกบานเพื่อทำการระบายอากาศในรถ

9.กลิ่นท่อไอเสียจากลิ้นชักตรงคอนโซลหน้ารถ

หากได้กลิ่นจากตรงจุดนี้ ให้รีบติดต่อช่างหรือเจ้าหน้าที่ศูนย์บริการเพื่อทำการแก้ไขปัญหาโดยด่วน เพราะเป็นเรื่องอันตรายอย่างมากกับการได้กลิ่นท่อไอเสียภายในห้องโดยสาร ซึ่งเสี่ยงต่อสุขภาพของผู้ที่นั่งในห้องโดยสาร ณ ขณะนั้น รวมถึงอาการรถที่เรียกได้ว่าวิกฤตแล้ว ไม่ควรเสี่ยงฝืนขับต่อ แต่ควรรีบดับเครื่องยนต์ ออกจากตัวรถ และรีบโทรเรียกรถยกรถลากนำเข้าศูนย์บริการจะดีที่สุด

เมื่ออ่านบทความนี้จบแล้วอยากให้คนที่มีรถลองหมั่นสังเกตกลิ่นจากรถยนต์กันดีๆ เพื่อลดปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นกับรถยนต์และช่วยยืดอายุการใช้งานได้ แต่สำหรับใครที่กำลังมองหารถยนต์มือสอง เช่น โตโยต้าวีออสมือสอง โตโยต้ายาริสมือสอง หรือยี่ห้ออื่นๆ อีกมากมาย แนะนำให้เข้าไปดูต่อได้ที่ Car Hero สุดยอดตัวจริงเรื่องรถมือสอง คัดสรรแต่รถที่ดีที่สุดให้คุณ พร้อมให้คำแนะนำปรึกษาทั้งก่อนและหลังการขายเป็นอย่างดีในทุกๆ ด้าน เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รถมือสองที่ดีและมีคุณภาพที่สุดไปใช้งาน

related