svasdssvasds

"ทวี'' เปรย "ประชาชาติ" อยากได้ รมต.อีก 1 เก้าอี้สร้างผลงานให้ดีกว่านี้

"ทวี'' เปรย "ประชาชาติ" อยากได้ รมต.อีก 1 เก้าอี้สร้างผลงานให้ดีกว่านี้

''พ.ต.อ.ทวี'' เปรย "ประชาชาติ" อยากได้ รัฐมนตรีอีก 1 เก้าอี้สร้างผลงานให้ดีกว่านี้ - ยืนยันไม่เคยได้ยิน พท.ทวงคืน ''ประธานสภาฯ''

พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรคประชาชาติ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกระแสการปรับคณะรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรคประชาชาติ โดยย้ำว่า เป็นอำนาจนายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรี ยังไม่เคยมาพูดคุยกับพรรคประชาชาติในเรื่องดังกล่าว แต่พรรคประชาชาติ ได้มีการพูดคุยกัน เพราะพรรคฯ ได้โควตารัฐมนตรีเพียงคนเดียว แต่พรรคฯ ก็อยากได้ 2 คน เพื่อให้สามารถทำหน้าที่ได้ดีกว่านี้ 

ปฏิเสธที่ให้ความเห็น 1 เก้าอี้ รมต. แลกตำแหน่งประธานสภาฯ

ส่วนหากมีข้อเสนอใหม่เพิ่มตำแหน่งรัฐมนตรีอีก 1 ที่นั่ง เพื่อแลกกับตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรนั้น พันตำรวจเอกทวี ปฏิเสธที่จะให้ความเห็น พร้อมยืนยันว่า เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของตนเองเท่านั้น เพราะจะต้องเป็นไปตามโควตา และพรรคประชาชาติ ต้องรักษามารยาท เพราะมี สส.เพียง 9 คน และพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นพรรคการเมืองที่ใหญ่กว่าพรรคประชาชาติ มี สส. 10 คน 

ทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรคประชาชาติ

พันตำรวจเอกทวี ยังชี้แจงย้ำถึงกระแสข่าวการทวงคืนตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคประชาชาติ กลับไปยังพรรคเพื่อไทยนั้น โดยยืนยันว่า กระแสข่าวดังกล่าว ไม่เคยได้รับการติดต่อจากพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาลอื่น ๆ เพราะตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร เกิดจากการเลือกของ สส.จำนวน 500 คนในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งประธานสภาผู้แทนราษฎร จะต้องเป็นกลางทางการเมือง ดังนั้น ใครก็ตามที่เป็นประธาน จะต้องเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ และเรื่องการเปลี่ยนตัวประธานสภาผู้แทนราษฎร ตนเองก็ยังไม่เคยได้ยิน

ทั้งนี้หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวก่อนการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 ครั้งที่ 1 ของพรรคประชาชาติว่า การประชุมในวันนี้ (21 เม.ย.) เป็นการประชุมตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ที่ 1 ปี ต้องมีการประชุม 1 ครั้ง เพื่อพิจารณางบการเงินต่างๆ และแจ้งให้สมาชิกพรรคทราบถึงการดำเนินการของพรรคประชาชาติ พร้อมชี้แจงทิศทางการทำงานของ สส. และพรรคประชาชาติ ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองมาแล้ว 6 ปี แต่ 4 ปีแรกเป็นฝ่ายค้าน และ 7 เดือนที่ผ่านมา พรรคประชาชาติ เป็นพรรคร่วมรัฐบาล

ดังนั้นจึงให้ความสำคัญกับการทำงานรับใช้ประชาชนไม่ได้ทำงานเพื่อรับใช้รัฐบาล ฉะนั้น พรรคประชาชาติ จะต้องแสดงให้ประชาชนทราบ พร้อมยืนยันว่า การประชุมในวันนี้ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริหารพรรคฯ แต่อย่างใด 

การประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 ครั้งที่ 1 ของพรรคประชาชาติ

พันตำรวจเอกทวี ยังเปิดเผยด้วยว่า พรรคประชาชาติ มีเป้าหมายให้พรรคใหญ่ขึ้น เพราะพรรคประชาชาติ เป็นพรรคที่มีอัตลักษณ์ของตัวเอง และจะเป็นสถาบันของประชาชน เป็นพรรคการเมืองเป็นของคนทั้งประเทศให้ได้ แต่พรรคก็จะต้องพิจารณาขีดจำกัดของพรรคณ ซึ่งอาจจะต้องรักษาฐาน 3 จังหวัดชายแดนให้ดีขึ้น

ซึ่งในการเลือกตั้งที่ผ่านมาครั้งนี้ พรรคประชาชาติมี สส.แบบแบ่งเขตจำนวน 7 คน ซึ่งการเลือกตั้งครั้งต่อไป ควรจะได้ 13 คน เพราะครั้งนี้ พรรคประชาชาติเป็นพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว สามารถช่วยกันผลักดันพื้นที่ภาคใต้ได้ และเชื่อว่า ประชาชนต้องการใหมีการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง คุณภาพชีวิต พร้อมยังเห็นว่า มีปัญหาสำคัญที่จะต้องแก้ไข 3 เรื่องได้แก้ การปัญหายาเสพติด, การขจัดผู้มีอิทธิพล และการต่อสู้กับความยากจน

 

ส่วนการตั้งเป้าจำนวน สส.ในการเลือกตั้งครั้งหน้านั้น พันตำรวจเอกทวี ชี้แจงว่า เป้าหมายจะเป็นแค่ภาคใต้ทั้งหมด 14 จังหวัดก่อน

ขณะเดียวกัน ในวันนี้ (21 เม.ย.) พรรคประชาชาติ จัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 ครั้งที่ 1 ที่โรงแรมอัลมีรอซ กรุงเทพมหานคร โดยมีวาระสำคัญในการรับรองรายงานการประชุมใหญ่สามัญของพรรค ครั้งที่ 2 ปี 2566 และพิจารณาให้ความเห็นชอบรายงานการดำเนินกิจการของพรรคประชาชาติในรอบปี และให้ความเห็นชอบรายงานการเงินของพรรคฯ ในปี 2566

นอกจากนั้น ยังมีการบรรยายพิเศษจากนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานรัฐสภา ในหัวข้อ ''พรรคการเมืองกับระบอบประชาธิปไตย'', และการบรรยายพิเศษของพันตำรวจเอกทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรคฯ ในหัวข้อ ''6ปี ประชาชาติ เคียงข้างประชาชน''

วางบท ''ประธานสภาฯ'' ถอดบทเรียน ''6 ปี ประชาชาติ'' ตั้งเป้ากวาด 15 สส.

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานรัฐสภา ในฐานะสส.บัญชรายชื่อ พรรคประชาชาติ กล่าวบรรยายพิเศษ ''ถอดบทเรียน 6 ปี พรรคประชาชาติ'' ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 ครั้งที่ 1 พรรคประชาชาติ ที่โรงแรมอัลมีรอซ กรุงเทพมหานคร โดยได้ขอบคุณกรรมการบริหารพรรคฯ ทุกคนที่ทำให้พรรคเดินมาจนถึงวันนี้ และความสำเร็จที่ผ่านมา เป็นความสำเร็จของสมาชิกพรรคทุกคน พร้อมระบุว่า พรรคประชาชาติ เติบโตขึ้นมากกว่าที่ควรจะเป็น มีจำนวนสมาชิกพรรคเพิ่มขึ้น และมีจำนวน สส.มากกว่าปี 2562 ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้น 20-30% ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าพอใจ เพราะหลายพรรค จำนวน สส.ลดลง แต่พรรคฯ ก็ยังจะต้องพัฒนาอีกใน 4 ปีข้างหน้า สส.จาก 9 คน จะต้องเป็น 14-15 คนอย่างน้อยตามสัดส่วนเดิม 20-30% ซึ่งจะทำให้พรรคประชาชาติ กลายเป็นพรรคขนาดกลาง จากพรรคขนาดเล็ก พร้อมประกาศว่า การเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคประชาชาติจะต้องเป็นพรรครัฐบาลอีกรอบแน่นอน และหากพรรคฯ ได้จำนวน สส. 14-15 คนก็จะได้โควตารัฐมนตรี 3 คน เป็นรัฐมนตรีว่าการ 1 ที่นั่ง และรัฐมนตรีช่วย 2 ที่นั่ง สามารถทำประโยชน์ให้กับประชาชนได้มากขึ้นอย่างแน่นอน 

วางบท

เช่นเดียวกับ คะแนนเสียงการเลือกตั้ง สส.แบบบัญชีรายชื่อ ที่ในการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคประชาชาติ ได้คะแนนเพิ่มขึ้น 200,000 เสียง จากที่การเลือกตั้งเมื่อปี 2562 พรรคได้ 400,000 กว่าเสียง ซึ่งนายวันมูหะมัดนอร์ ได้ประกาศว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคฯ จะต้องได้ 1,000,000 เสียง หรือให้ได้ สส.บัญชีรายชื่อ ประมาณ 3-4 ที่นั่ง 

นายวันมูหะมัดนอร์ ยังเจาะเขตการเลือกตั้งรายจังหวัดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ในจังหวัดยะลา ครั้งนี้ พรรคประชาชาติได้ 3 ที่นั่ง ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ก็จะต้องรักษาให้ได้ 3 เช่นเดิม, จังหวัดปัตตานี สส. 5 คน พรรคได้มา 3 ที่นั่งจากเดิม 2 ที่นั่ง ก็มั่นใจว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ก็กวาดทั้งจังหวัด 5 ที่นั่งได้แน่นอน และจังหวัดนราธิวาส เดิมพรรคฯ ได้มา 1 ที่นั่ง แต่ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ก็หวังว่า พรรคฯ จะได้ 3 ที่นั่ง ซึ่งในต้นเดือนมิถุนายนนี้ มีกิจกรรมประธานสภาฯ พบประชาชน ซึ่งเป็นกิจกรรมใหม่ของสภาผู้แทนราษฎร และตนก็ได้เลือกแล้วว่า ประธานสภาฯ พร้อมข้าราชการสภาฯ จะไปพบประชาชนที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อให้นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สส.นราธิวาส พรรคประชาชาติเพียง 1 เดียว ทำให้ได้ สส.มากขึ้น และตนเอง ก็จะไปดูว่า ที่พรรคฯ ไปหาเสียงเลือกตั้งแถบชายทะเลนราธิวาส มีการใช้ไฟฟ้าแพง และเป็นชุมชนแออัด จะสามารถแก้ไขปัญหาใดได้บ้าง และที่ดินบนเทือกเข้าบูโด ที่รัฐบาลจะยึดไป เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่มาเช่า ซึ่งตนก็จะไปติดตามปัญหานี้เช่นดัน เพราะประชาชนอยู่กินมากว่า 50 ปี เหตุใดจึงต้องให้ประชาชนในพื้นที่ไปเช่า เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง

นายวันมูหะมัดนอร์ ยังขอให้สมาชิกพรรคฯ และ สส.ของพรรคฯ ทำงานให้หนัก มีผลงาน เพื่อให้พรรคฯ ได้ไปถึงเป้าหมายในการเลือกตั้งในครั้งหน้า และจะต้องทำหน้าที่ให้ดีกว่าที่พรรคฯ เคยเป็นฝ่ายค้าน รวมถึงนโยบายคำมั่นสัญญาต่าง ๆ ที่หาเสียงไว้กับประชาชน จะต้องไม่ลืม และพรรคฯ สามารถยืนยันได้ว่า นโยบายดันราคายางพาราให้สูงกว่า 80 บาท/กิโลกรัม สำเร็จแล้ว ซึ่งปัจจุบันราคากว่า 90 บาทต่อกิโลกรัมแล้ว พร้อมมั่นใจว่า ภายใน 4 ปีนี้ ผู้สูงอายุจะต้องได้เบี้ยผู้สูงอายุ 2,000 - 3,000 บาท รวมถึงยังนโยบายอื่น ๆ อีก ดังนั้น จะต้องไม่ลืมว่า เลือกตั้งครั้งหน้าต้องเลือกพรรคประชาชาติ 

นายวันมูหะมัดนอร์ ยังย้ำว่า ยุทธศาสตร์พรรคประชาชาติ เป้าหมายการเลือกตั้งครั้งต่อไปมีความชัดเจน และมีกรรมการบริหารพรรคฯ ได้มีการถอดบทเรียน และผลคะแนนรายเขตแล้ว เขตใดชนะ แพ้ หรือสูสี ดังนั้น จะต้องดูรายละเอียดเป็นรายเขตเลือกตั้ง และไปเอาหัวคะแนนที่ทำงานแต่ละหน่วยดูว่าเหตุใด จึงเป็นเช่นนั้น และต้องประเมินอย่างชัดเจน โดยมีตัวเลขที่สะท้อนปัจจัยที่จะทำให้ได้ สส.เพิ่ม ได้แก่ การคัดเลือกผู้สมัครที่จะต้องอยู่ในสายตาประชาชน มีความรู้ความสามารถ, การสร้างกระแสพรรค และตัวบุคคล ที่พรรคมีกระแสในพื้นที่ชายแดนใต้ แต่ในพื้นที่อื่น ๆ พรรคยังไม่ได้รับการเลือกตั้ง เช่น บางพื้นที่คะแนนบัญชีรายชื่อชนะพรรคการเมืองอื่น แต่ สส.แบบแบ่งเขตแพ้ ดังนั้น หากจะให้พรรคโต จะต้องสร้างกระแส รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ ที่สำคัญในยุคปัจจุบัน คือ ''เทคโนโลยี'' ที่ผู้สมัครพูดเก่ง แต่ไม่ปรากฏในสื่อออนไลน์ สื่อมวลชน หรือไม่เป็นข่าว ก็จะแพ้ และถ้าหากไม่มีการชี้แจงให้ชัดเจนเหมือนปัญหาตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่มีกระแสข่าวพรรคเพื่อไทยจะยึดคืน ประชาชนก็จะเชื่อในข่าวลือ หรือสื่อที่ไม่มีความเข้าใจ ดังนั้น จะต้องชี้แจงให้ชัดเจนว่า ไม่ว่าจะปรับคณะรัฐมนตรี กี่รอบ หรือปรับนายกรัฐมนตรี ก็ไม่เกี่ยวข้องกับประธานสภาผู้แทนราษฎร จึงสะท้อนว่า สื่อเทคโนโลยีปัจจุบัน มีความสำคัญ หากผู้สมัคร สส.ยังไม่ทำ ก็จะแพ้พรรคการเมืองอื่นแน่นอน โดยเฉพาะพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นพรรคคู่ต่อสู้ของทุกพรรคการเมือง แม้ตัวบุคคลในพื้นที่ชายแดนใต้ จะไม่ได้ชนะพรรคประชาชาติ หรือพรรคการเมืองอื่น แต่พรรคก้าวไกล มีการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ด้วยวิธีการใหม่ ๆ จึงถึงเวลาแล้ว ที่พรรคประชาชาติ จะต้องพัฒนาเทคโนโลยีอย่างจริงจัง และมั่นใจว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคประชาชาติ จะได้เป็นรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง 

ทั้งนี้ ตามกำหนดการ นายวันมูหะมัดนอร์ จะกล่าวบรรยายพิเศษเรื่อง ''พรรคการเมืองกับระบอบประชาธิปไตย'' แต่นายวันมูหะมัดนอร์ ได้ขอถอดบทเรียน ''6 ปี พรรคประชาชาติ'' แทน เนื่องจาก ในวันพรุ่งนี้ (22 เม.ย.) ตนเอง มีวาระการบรรยายพิเศษเรื่อง ''พรรคการเมืองกับระบอบประชาธิปไตย'' ที่รัฐสภาอยู่แล้ว

"วันนอร์" ปัดตอบข้อเสนอนั่งรองนายกฯ คุมชายแดนใต้แลกเก้าอี้ประธานสภาฯ

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานรัฐสภา กล่าวถึงกรณีที่พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรคประชาชาติ หวังให้พรรคประชาชาติได้เก้าอี้รัฐมนตรีเพิ่มอีก 1 ตำแหน่ง เพื่อให้การทำงาน และสร้างผลงานให้ดีขึ้น ซึ่งอาจจะทำให้ต้องแลกกับตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่นั้น โดยนายวันมูหะมัดนอร์ ย้ำว่า เรื่องตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรนั้นจบแล้ว และการปรับคณะรัฐมนตรี เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี ที่ตนเองไม่เข้าไปยุ่ง  แต่ตำแหน่งประธาน และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นเรื่องของสภาฯ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวโยงกับฝ่ายบริหาร 

วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร

ส่วนหากมีข้อเสนอให้นายวันมูหะมัดนอร์ ไปเป็นรองนายกรัฐมนตรี เพื่อดูแลพื้นที่ภาคใต้ โดยแลกกับตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรนั้น นายวันมูหะมัดนอร์ ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม 

นายวันมูหะมัดนอร์ ยังกล่าวถึงกรณีที่กระทรวงกลาโหม เตรียมเสนอสภากลาโหม เห็นชอบร่างแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม และร่างพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมกำหนคุณสมบัติผู้ที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นนายพล และให้อำนาจนายกรัฐมนตรีสั่งพักราชการได้หากปรากฏข้อเท็จจริงว่าข้าราชการทหารใช้กำลังทหาร เพื่อยึดหรือควบคุมอำนาจรัฐบาล หรือก่อกบฏ โดยระบุว่า ตนเองยังไม่เห็นรายละเอียดร่างกฎหมายดังกล่าว จึงยังไม่สามารถให้ความเห็นได้ แต่คิดว่า การปรับปรุงพระราชบัญญัติกลาโหมเป็นเรื่องที่ดี เพราะกฎหมายปัจจุบัน ตราใช้บังคับตั้งแต่สมัยพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน อดีตผู้บัญชาการทหารบก ที่กระจำการรัฐประหารด้วย 

ส่วนการแก้ไขกฎหมายดังกล่าวจะสามารถป้องกันการรัฐประหารได้หรือไม่นั้น ประธานสภาผู้แทนราษฎร ปฏิเสธที่จะให้ความเห็น เพราะไม่ทราบในรายละเอียด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related