svasdssvasds

ถอด 6 กลยุทธ์ ที่ “ฮุน เซน” ใช้ดิสเครดิตไทย ในทัศนะของ พ.ต.ต.วรเชษฐ์

ถอด 6 กลยุทธ์ ที่ “ฮุน เซน” ใช้ดิสเครดิตไทย ในทัศนะของ พ.ต.ต.วรเชษฐ์

พ.ต.ต.วรเชษฐ์ เดชเดโช ชี้ว่า ฮุน เซน ใช้ 6 กลยุทธ์คล้าย "สงครามประสาทคอลเซ็นเตอร์" เพื่อ "ปั่นหัว" คนไทย โดยบิดเบือนข้อมูล โจมตีซ้ำ สร้างความแตกแยก และยั่วยุอารมณ์

SHORT CUT

  • "สงครามประสาทคอลเซ็นเตอร์" ฮุน เซน ใช้ 6 กลยุทธ์คล้ายคอลเซ็นเตอร์ ทั้งการบิดเบือนข้อมูล การโจมตีซ้ำ และการเปลี่ยนประเด็น เพื่อ "ปั่นหัว" คนไทย
  • โดยมีเป้าหมายสร้างความแตกแยก กลยุทธ์เหล่านี้มุ่งบั่นทอนกำลังใจ สร้างความสับสน และทำให้เกิดความแตกแยกภายในสังคมไทยเอง.
  • พ.ต.ต.วรเชษฐ์ ย้ำ คนไทยต้องมี "สติ" สิ่งสำคัญคือคนไทยต้องตระหนักรู้ ตรวจสอบข้อเท็จจริง และไม่ตกเป็นเครื่องมือในการสร้างความแตกแยกตามที่อีกฝ่ายต้องการ

พ.ต.ต.วรเชษฐ์ เดชเดโช ชี้ว่า ฮุน เซน ใช้ 6 กลยุทธ์คล้าย "สงครามประสาทคอลเซ็นเตอร์" เพื่อ "ปั่นหัว" คนไทย โดยบิดเบือนข้อมูล โจมตีซ้ำ สร้างความแตกแยก และยั่วยุอารมณ์

ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2568 เรื่อยมาจนถึงตอนนี้ กรณีพิพาทกัมพูชาดูจะสร้างความโกลาหลทางการเมืองไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในฝั่งประเทศไทย วานนี้ ฮุน เซน แถลงร่ายยาวนาน 4 ชั่วโมง ซึ่งหลายคนมองว่าไม่มีเรื่องใดใหม่ และอาจเป็นการ “ปั่นหัว” ฝั่งไทยเล่นเท่านั้น

วันนี้ (28 มิถุนายน 2568) พ.ต.ต.วรเชษฐ์ เดชเดโช ได้วิเคราะห์ถึง 6 กลยุทธ์ ที่ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ใช้ดิสเคสดิตไทย โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อ “ปั่นหัวคนไทย” พร้อมทั้งสร้างความคล้อยตามในประเด็นที่กัมพูชาต้องการ

ถอด 6 กลยุทธ์ ที่ “ฮุน เซน” ใช้ดิสเครดิตไทย ในทัศนะของ พ.ต.ต.วรเชษฐ์

 

ถอด 6 กลยุทธ์ ที่ “ฮุน เซน” ใช้ “ดิสเครดิต” ไทย

วิธีที่ 1 :  สร้างข้อมูลที่บิดเบือนหรือไม่ครบถ้วน

พ.ต.ต.วรเชษฐ์ อธิบายว่า “เหมือนคอลเซ็นเตอร์ที่เลือกให้ข้อมูลเฉพาะส่วนที่ต้องการ หรือบิดเบือนข้อมูลเพื่อประโยชน์ของตน ฮุน เซน มักจะหยิบยกประเด็นที่อ่อนไหว หรือตีความประวัติศาสตร์ในมุมของกัมพูชา โดยละเลยข้อเท็จจริงหรือบริบทที่สำคัญ ซึ่งทำให้เกิดความเข้าใจผิดและสร้างความขัดแย้งในสังคมไทย”

วิธีที่ 2 : โจมตีซ้ำ ๆ และต่อเนื่อง

พ.ต.ต.วรเชษฐ์ อธิบายว่า “การที่ฮุน เซน พูดถึงประเด็นเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เช่น เรื่องปราสาทพระวิหาร หรือการกล่าวหาว่าไทยละเมิดอธิปไตย เป็นการใช้เทคนิคคล้ายคอลเซ็นเตอร์ที่โทรเข้ามาก่อกวน หรือส่งข้อความซ้ำๆ เพื่อสร้างความรำคาญและฝังแนวคิดบางอย่างลงไปในจิตใต้สำนึกของสาธารณะ เมื่อได้ยินบ่อยเข้า คนอาจจะเริ่มคล้อยตามหรือเกิดความรู้สึกสับสนว่าอะไรคือความจริง”

 

วิธีที่ 3 : สร้างความแตกแยกภายในประเทศ

พ.ต.ต.วรเชษฐ์ อธิบายว่า “กลยุทธ์นี้มีเป้าหมายในการสร้างความแตกแยกในสังคมไทยเอง โดยเฉพาะการชี้นำให้คนไทยบางกลุ่มรู้สึกว่ารัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยนั้นอ่อนแอ ไม่สามารถปกป้องผลประโยชน์ของชาติได้ ซึ่งจะนำไปสู่ความไม่ไว้วางใจกันภายในประเทศ และทำให้ยากต่อการรวมพลังเพื่อรับมือกับปัญหาภายนอก”

ถอด 6 กลยุทธ์ ที่ “ฮุน เซน” ใช้ดิสเครดิตไทย ในทัศนะของ พ.ต.ต.วรเชษฐ์

 

วิธีที่ 4 : ใช้ภาษาที่ยั่วยุและอารมณ์ร่วม

พ.ต.ต.วรเชษฐ์ อธิบายว่า “ฮุน เซน มักจะใช้ถ้อยคำที่รุนแรง ยั่วยุ และกระตุ้นอารมณ์ชาตินิยม ซึ่งคล้ายกับการที่คอลเซ็นเตอร์พยายามใช้คำพูดที่กดดัน ข่มขู่ หรือสร้างความกลัว เพื่อให้เหยื่อเกิดความตื่นตระหนกและตัดสินใจผิดพลาด การใช้ภาษาที่เร้าอารมณ์นี้มีจุดประสงค์เพื่อลดทอนเหตุผล และทำให้คนไทยตอบสนองด้วยอารมณ์มากกว่าข้อเท็จจริง”

วิธีที่ 5 : อาศัยช่องทางสื่อสารที่เข้าถึงง่าย

พ.ต.ต.วรเชษฐ์ อธิบายว่า “ไม่ว่าจะเป็นการแถลงข่าว การโพสต์บนโซเชียลมีเดีย หรือการให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อต่างๆ ฮุน เซนใช้ช่องทางที่หลากหลายและเข้าถึงคนไทยได้ง่าย เพื่อกระจายข้อมูลและข้อความที่ต้องการ ซึ่งเป็นการจำลองรูปแบบของคอลเซ็นเตอร์ที่พยายามเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในวงกว้าง”

 

วิธีที่ 6 : เปลี่ยนประเด็นหรือสร้างประเด็นใหม่

พ.ต.ต.วรเชษฐ์ อธิบายว่า “เมื่อประเด็นหนึ่งเริ่มซาลง หรือไม่สามารถสร้างผลกระทบได้ตามที่ต้องการ ฮุน เซนก็มักจะสร้างประเด็นใหม่ๆ ขึ้นมาเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ หรือรักษาความตึงเครียดไว้ ซึ่งเป็นเทคนิคที่คอลเซ็นเตอร์มักใช้เพื่อไม่ให้เหยื่อตั้งตัวทัน และทำให้สถานการณ์ยังคงอยู่ในความควบคุมของตน”

นี่คือ 6 กลยุทธ์ ที่ฮุน เซน ใช้ปั่นหัวคนไทยให้คล้อยตาม ทั้งนี้ พ.ต.ต.วรเชษฐ์ เดชเดโช ได้สรุปทิ้งท้ายว่า การกระทำของสมเด็จฯ ฮุน เซน ไม่ใช่เพียงแค่การแสดงความเห็นทางการเมืองธรรมดา แต่เป็นการใช้กลยุทธ์สงครามประสาทที่ซับซ้อน มีการวางแผนมาอย่างดี โดยมีเป้าหมายในการบั่นทอนกำลังใจ สร้างความสับสน และสร้างความแตกแยกในหมู่คนไทย เพื่อให้กัมพูชาบรรลุเป้าหมายทางการเมืองบางอย่างของตน

“สิ่งสำคัญคือคนไทยจะต้องมี "สติ" ในการรับข้อมูล "ตรวจสอบข้อเท็จจริง" อย่างรอบคอบ และ "ไม่ตกเป็นเครื่องมือ" ในการสร้างความแตกแยกตามที่อีกฝ่ายต้องการครับ”

related