SHORT CUT
BHQ กองกำลังส่วนตัวฮุน เซน อาวุธลับจีนหนุน! ปกป้องอำนาจตระกูลฮุน พร้อมประชิดชายแดนไทยแถมเคยฝึกรบร่วมกับไทยมาก่อน
กัมพูชา ประเทศเพื่อนบ้านผู้มักมีเซอร์ไพรส์ให้เราได้เห็นเสมอ ล่าสุดก็ทำเอาวงการความมั่นคงบ้านเราต้องเหลียวมองกับ “BHQ” หรือ Bodyguard Headquarters ชื่อนี้ฟังดูเหมือนหน่วยรักษาความปลอดภัยธรรมดาๆ ทั่วไป แต่ในความเป็นจริงแล้ว นี่คือกองกำลังทหารพิเศษ-สายตรงของ “สมเด็จฮุนเซน” ที่ไม่ได้มีหน้าที่แค่คุ้มกันผู้นำอย่างเดียวเสียแล้ว ดูเหมือนว่าระยะหลังๆ พวกเขาจะออกโรงมาโชว์ของ และแน่นอนว่า ไม่ใช่ทหารธรรมดาที่ขึ้นกับโครงสร้างกองทัพแบบปกติ แต่เป็นเหมือน “หน่วยทหารในเงา” ที่มีความลับสูงและปิดมากที่สุดในกัมพูชา ฟังดูน่าสนใจใช่ไหมล่ะ?
BHQ มีต้นกำเนิดย้อนไปถึงยุค 90s-2000s ที่กัมพูชาเคยรับอิทธิพลการฝึก, ยุทธวิธี, และแบบแผนการแต่งกายจากไทยโดยตรง โดยเฉพาะหน่วยคุ้มกันพิเศษของนายทหารระดับสูงในไทย แหม เคยเป็นลูกศิษย์กันมาก่อนนี่เอง! แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าลูกศิษย์จะโตเป็นหนุ่มใหญ่ ที่แต่งตัว ท่าทาง อุปกรณ์คล้ายทหารไทยมาก จนฝ่ายไทยต้องจับตาว่าอาจตั้งใจ "แสดงอำนาจ" ผ่านภาพลักษณ์ หรือจะบอกว่า “เทียบเท่า” หรือ “ข่มเชิง” ในเชิงยุทธวิธี กันแน่นะ?
ไม่ใช่องครักษ์อย่างเดียว แต่เป็นกองกำลังการเมือง BHQ หรือชื่อเต็มว่า Bodyguard Headquarters คือ "กองกำลังพิทักษ์ผู้นำประเทศโดยตรง" มีภารกิจหลักคือ ต้านรัฐประหารและป้องกันอำนาจของตระกูลฮุน ใช่แล้วครับ คุณอ่านไม่ผิด "ป้องกันอำนาจฮุนเซน" เป็นสำคัญ! เพราะฉะนั้น หากพวกเขาถูกส่งมาแนวชายแดน ก็อาจสะท้อน "เกมการเมืองภายในกัมพูชา" หรือเตรียมพร้อมเผื่อสถานการณ์เปลี่ยนก็เป็นได้ กองกำลังนี้เรียกได้ว่าเป็น "กองกำลังส่วนตัว" ของตระกูลฮุน ที่นักฝ่ายค้านกัมพูชามักกล่าวหาอยู่เสมอ
หน่วย BHQ นี้ บัญชาการโดยตรงโดย พล.อ.ฮิง บุญเธียน นายพลคนสนิทของสมเด็จฮุนเซน ที่ได้รับความไว้วางใจอย่างมาก เพราะร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมาตั้งแต่หนีเขมรแดงเข้าเวียดนาม น่าเสียดายที่นายพลผู้นี้เคย ถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตรในปี 2018 เนื่องจากถูกกล่าวหาว่าละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างสูง แถมอดีตผู้นำฝ่ายค้าน สม รังสี ก็เคยฟ้องร้องคดีว่าจ้างอันธพาลโจมตีเวทีปราศรัยด้วยระเบิดมือในปี 2540 จนมีผู้เสียชีวิตถึง 16 คน แหม ประวัติไม่ธรรมดาจริงๆ!
โครงสร้างที่ซับซ้อนและงบประมาณที่แยกต่างหาก กองกำลังนี้มีกำลังพลประมาณ 3,000–5,000 นาย (หรืออาจมากกว่านี้) คัดเลือกจากทหารที่จงรักภักดีและผ่านการฝึกหนัก และที่น่าสนใจคือ พวกเขาได้รับงบประมาณแยกต่างหากจากกระทรวงกลาโหม ซึ่งทำให้ BHQ มีความคล่องตัวสูง และไม่ต้องรอคิวใคร! โครงสร้างของ BHQ (อย่างไม่เป็นทางการ) นั้นแบ่งออกเป็นกองพันย่อยหลายกองพัน
วิวัฒนาการจาก "กองพลน้อยที่ 70" สู่ "อาวุธลับ" BHQ แปลงร่างมาจาก "กองพลน้อยที่ 70" ซึ่งสมเด็จฮุนเซนจัดตั้งขึ้นเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว ในฐานะหน่วยรบเฉพาะกิจที่ขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี จนถูกนักฝ่ายค้านโจมตีว่าเป็น "กองกำลังส่วนตัว" ของตระกูลฮุน กองพลน้อยที่ 70 นี่แหละที่เป็น หน่วยทหารหลักในการทำรัฐประหารปี 2540 ทำให้ฮุนเซนยึดกุมอำนาจเบ็ดเสร็จ แถมยังได้รับการกล่าวขานว่าเป็น หน่วยรบที่ทันสมัยที่สุด ได้รับการฝึกฝนดีที่สุด มีอาวุธยุทโธปกรณ์ทันสมัยที่สุด
หลังเหตุการณ์ 9/11 ในปี 2544 ฮุน มาแนต (บุตรชายของฮุนเซน) ในฐานะ ผบ.กองพลน้อยที่ 70 ในขณะนั้น ได้เจรจากับสหรัฐฯ ขอความช่วยเหลือด้านการทหารเพื่อป้องกันการก่อการร้าย ทำให้สหรัฐฯ ทุ่มงบประมาณพัฒนาให้เป็น หน่วยต่อต้านการก่อการร้ายสากล ก่อนที่กองพลน้อยที่ 70 จะ ถูกยกระดับเป็น "หน่วยทหารองครักษ์ BHQ" สังกัดกองบัญชาการทหารสูงสุด ในช่วงก่อนการเปลี่ยนถ่ายอำนาจจากฮุนเซนสู่ฮุน มาแนต
ฐานที่มั่นใกล้บ้านผู้นำ และการสนับสนุนจากมหาอำนาจ ที่ตั้งของ BHQ อยู่ที่ อ.ตาขะเมา จ.กันดาล ซึ่งเป็นที่ตั้งคฤหาสน์ของสมเด็จฮุนเซนด้วย เรียกได้ว่าอยู่กันแบบใกล้ชิด ติดรั้วบ้านผู้นำเลยทีเดียว สื่อกัมพูชาเองก็รู้ดีว่าค่ายตาขะเมาเป็นที่ตั้งของกองบัญชาการกองทัพโซนพิเศษที่ครอบคลุมกรุงพนมเปญและจังหวัดใกล้เคียง โดยมีกำลังพลหลายพันนายรายล้อมเมืองหลวง
ที่สำคัญ แหล่งข่าวความมั่นคงเปิดเผยว่า BHQ ได้รับการสนับสนุนด้านอาวุธและฝึกกำลังพลจากกองทัพประชาชนจีน มีการซ้อมรบร่วม Golden Dragon ระหว่างจีน-กัมพูชา ก็แฝงไว้ด้วยการฝึกหน่วยองครักษ์ (กองพลน้อยที่ 70) นี้ เพื่อ "เสริมอำนาจตระกูลฮุนให้น่าเกรงขาม ไร้คู่ต่อกรทางการเมืองภายในประเทศ" โอ้โห! ทันสมัยขนาดนี้ ไม่ต้องกลัวใครแล้วสินะ!
พล.อ.ฮิง บุญเธียน เคยลั่นวาจาในปี 2560 ว่า "บางคนเอาไปเล่าลือ เรามีรถถังอยู่ 50 คัน แต่เรามี 100 คัน ไม่ใช่ 50 คัน อาวุธทันสมัยพวกนี้่เก็บไว้เพื่อรับประกันความปลอดภัยของสาธารณชน กับความมั่นคงของสังคม ไม่ได้เตรียมเอาไว้เพื่อทำสงครามกับใคร" ฟังแล้วก็ใจชื้นขึ้นมานิดหนึ่ง หรือเปล่านะ?
ปฏิบัติการโชว์พลังที่ "ช่องบก-เขาพระวิหาร" ล่าสุดเมื่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาตึงเครียด ฮุน มาแนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ก็สั่งการให้ พล.อ.ฮิง บุญเธียน นำทหารหน่วยองครักษ์ BHQ พร้อมอาวุธหนัก มาประจำการที่ จ.พระวิหาร ซึ่งเป็น "พรมแดนร้อน" ที่เคยปะทะกันมาแล้ว การเคลื่อนกำลังนี้แสดงให้เห็นว่า BHQ ไม่ใช่แค่ป้องกันผู้นำอีกต่อไป แต่เริ่มเล่นบท "ทหารแนวหน้า" และส่งสัญญาณถึงไทยว่า ฝ่ายเขมรจริงจังกับการป้องกันพื้นที่พิพาท แถมยังมีการโพสต์ภาพและข้อความจากสถานีโทรทัศน์แห่งชาติกัมพูชาว่า "เราพร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งจากหัวหน้ารัฐบาลตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อปกป้องประเทศจากผู้รุกราน หนึ่งชีวิตเพื่อชาติ ไม่ใช่แค่คำพูด แต่เป็นการตัดสินใจที่เด็ดขาดของพวกเราทุกคน" ดูเดือดดีจริงๆ!
แม้ว่าเมื่อไม่นานมานี้ (วันที่ 8-12 กรกฎาคม 2567) ผบ.ศรภ. ของไทยจะเพิ่งไปเยือนหน่วย BHQ เพื่อ "กระชับสัมพันธ์" และ "เซ็น MOU ฝึกร่วมกำลังพลทั้งสองประเทศ" แถมยังคุยกันถึง "ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและมีความร่วมมือกันอย่างแน่นแฟ้น" แต่การที่ "อาวุธลับ" ของฮุนเซนอย่าง BHQ มาประชิดชายแดนแบบนี้ ก็อดทำให้เราคิดไม่ได้ว่า "กระชับสัมพันธ์" ในสไตล์กัมพูชา อาจจะมีความหมายที่ลึกซึ้งกว่าที่เราเข้าใจ!
โดยสรุปแล้ว BHQ ไม่ใช่แค่หน่วยทหารอารักขาธรรมดาๆ แต่มันคือกองกำลัง "การเมือง" ที่ใช้ควบคุมสถานการณ์ภายใน และเป็น "อาวุธลับ" ของสมเด็จฮุนเซนและตระกูลฮุน ที่พร้อมจะถูกใช้งานทั้งในมิติของการป้องกันผู้นำ การปราบปรามฝ่ายต่อต้าน และล่าสุดคือการ "แสดงแสนยานุภาพ" บนแนวชายแดน แม้ไทยจะ "รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด" และมีการปรับกำลังรับมือแบบ "ถ้าเขาขยับ เราก็พร้อม" แต่การปรากฏตัวของ BHQ ก็เป็นสัญญาณที่ไทยไม่ควรมองข้าม หรือจะมองว่านี่คือการท้าทายแบบ "เนียนๆ" จากเพื่อนบ้านที่เคยเรียนรู้วิชาจากเราไปก็เป็นได้นะ!
อ้างอิง