รวมที่สุดของ "แพทองธาร ชินวัตร" นายกฯหญิง ที่สร้างประวัติศาสตร์
ปิดฉากเส้นทาง แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ หญิงอายุน้อยที่สุดของไทย สิ้นสุดลงแล้ว 320 วันบนเก้าอี้ผู้นำ กับคำวินิจฉัยศาล รธน. คดีคลิปเสียง “ฮุนเซน” ที่เขย่าการเมืองไทย
SHORT CUT
- สร้างประวัติศาสตร์เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2 และเป็นนายกฯ ที่อายุน้อยที่สุดของไทยด้วยวัย 38 ปี
- มีบทบาทโดดเด่นในการส่งเสริม "ซอฟต์พาวเวอร์" ผ่านการสวมใส่ชุดผ้าไทยร่วมสมัยในเวทีต่างๆ
- ดำรงตำแหน่งเป็นเวลา 320 วัน ก่อนสิ้นสุดลงจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
- ได้รับคะแนนโหวตไว้วางใจมากที่สุดในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ สะท้อนความแข็งแกร่งของรัฐบาลในขณะนั้น
ปิดฉากเส้นทาง แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ หญิงอายุน้อยที่สุดของไทย สิ้นสุดลงแล้ว 320 วันบนเก้าอี้ผู้นำ กับคำวินิจฉัยศาล รธน. คดีคลิปเสียง “ฮุนเซน” ที่เขย่าการเมืองไทย
เส้นทางการเมืองของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เริ่มต้นอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2565 และถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอดในฐานะบุตรสาวคนเล็กของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ในที่สุดเธอก็ได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทยเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2567 และสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ให้กับการเมืองไทยด้วยการเป็น นายกฯ หญิงคนที่ 2 และนายกฯ ที่อายุน้อยที่สุด ของไทย ด้วยวัยเพียง 38 ปี ก่อนจะสิ้นสุดลงในวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 หลังจากดำรงตำแหน่งได้เพียง 320 วัน จากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในกรณีคลิปเสียงของอดีตนายกฯ ฮุน เซน
เส้นทางชีวิตและทรัพย์สินที่น่าสนใจ
แพทองธาร ชินวัตร เกิดเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2529 จบการศึกษาระดับมัธยมจากโรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์และมาแตร์เดอีวิทยาลัย ก่อนเข้าศึกษาต่อที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และไปศึกษาต่อด้านการบริหารโรงแรมที่อังกฤษ จากนั้นจึงกลับมาดูแลธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัว
มูลค่าทรัพย์สิน
สำนักงาน ป.ป.ช. เคยเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินของเธอเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2567 พบว่ามีทรัพย์สินรวมกว่า 13,846 ล้านบาท และมีหนี้สินประมาณ 4,441 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนถึงบทบาทในธุรกิจของตระกูลที่แข็งแกร่ง
บทบาทที่โดดเด่นในฐานะผู้นำ
แม้จะดำรงตำแหน่งในระยะเวลาสั้น ๆ แต่นายกฯ แพทองธารก็มีภาพจำที่ชัดเจน
Soft Power และผ้าไทย
ในฐานะรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ เธอมักปรากฏตัวด้วยชุดผ้าไทยร่วมสมัยที่โดดเด่น เช่น สูทผ้าขาวม้า หรือชุดผ้าไหมในงานทางการ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสร้างภาพลักษณ์ "ซอฟต์พาวเวอร์" ทั้งในและต่างประเทศ
วลีสร้างการจดจำ
นโยบายและแนวทางการบริหารของรัฐบาลภายใต้การนำของเธอถูกสรุปไว้ในวลีที่ติดปากว่า "มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี" ซึ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจและยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน
ได้รับคะแนนโหวตไว้วางใจมากที่สุด
ในการประชุมอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2568 เธอได้รับคะแนนโหวตไว้วางใจถึง 319 เสียง จากทั้งหมด 488 เสียง ซึ่งเป็นจำนวนที่มากที่สุดในบรรดารัฐมนตรีที่ถูกอภิปราย สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของรัฐบาลในเวลานั้น
การตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 ในที่สุดก็เป็นจุดสิ้นสุดของเส้นทางการเมืองในฐานะนายกรัฐมนตรีของแพทองธาร ชินวัตร และเป็นการปิดฉากยุคของนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2 ของประเทศไทย ซึ่งจะถูกจดจำในประวัติศาสตร์การเมืองไทยตลอดไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
