
SHORT CUT
ที่ประชุมรัฐสภาเสียงข้างมากเห็นด้วยให้มี กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ 35 คน ที่รัฐสภาคัดเลือกจากบัญชีรายชื่อของผู้สมัครได้รับเลือก ด้วยเสียง 328 ต่อ 266 งดออกเสียง 21 ไม่ลงคะแนน 3
ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา ซึ่งประกอบด้วย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) และ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ได้มีการพิจารณาลงมติในวาระที่สองรายมาตรา สำหรับร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม เพื่อนำไปสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ประเด็นที่ถูกจับตามากที่สุดคือการลงมติใน มาตรา 256/1 ซึ่งเป็นบทบัญญัติสำคัญในการกำหนด "ที่มา" ขององค์กรผู้ร่างรัฐธรรมนูญใหม่
กมธ. ได้กำหนดหลักเกณฑ์ คุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม ของผู้สมัครเป็น กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ และ กมธ.รับฟังความคิดเห็นไว้เหมือนกันอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะการเพิ่มเติมข้อห้ามสำหรับบุคคลที่
นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดคุณสมบัติเฉพาะ สำหรับผู้สมัครเป็น กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ เช่น ผู้สอนวิชาวิทยาศาสตร์/ผู้วิจัยที่มีผลงานประจักษ์, เคยรับราชการตำแหน่งไม่ต่ำกว่าตุลาการศาลปกครองชั้นต้นไม่น้อยกว่า 3 ปี, ผู้ประกอบวิชาชีพที่มีกฎหมายรองรับไม่น้อยกว่า 5 ปี, หรือผู้บริหารระดับสูงของบริษัทมหาชนจำกัดไม่น้อยกว่า 5 ปี
จุดสำคัญที่สุดที่ กมธ. เสียงข้างมากให้ความเห็นชอบ คือ การกำหนดกรอบการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยมีข้อกำหนดให้ นำบทบัญญัติในหมวด 1 บททั่วไป และหมวด 2 พระมหากษัตริย์ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาบัญญัติไว้โดยไม่ให้แก้ไข ซึ่งเป็นการขีดเส้นชัดเจนในการจำกัดขอบเขตการแก้ไข
กระบวนการสรรหาและคัดเลือก กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ และ กมธ.รับฟังความคิดเห็น ถูกออกแบบให้มีกลไกการมีส่วนร่วมและการตรวจสอบอย่างชัดเจน โดยใช้กลไกการสมัครผ่าน คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้สมัครต้องยื่นหลักฐานพร้อมวิสัยทัศน์ และมีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่สนับสนุน ไม่น้อยกว่า 100 คน พร้อมเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัคร และผู้สนับสนุนด้วย
การเลือก กมธ. ทั้งสองคณะ จะดำเนินการโดย รัฐสภา และกำหนดให้เสร็จสิ้นภายใน 60 วัน โดยใช้ "สูตร 20 หยิบ 1" คือ:
ภายหลังการพิจารณาวาระสอง ในวันที่ 10-11 ธันวาคม 2568 ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญจะต้อง พักร่างไว้ไม่น้อยกว่า 15 วัน ก่อนจะเข้าสู่การพิจารณา วาระสาม เพื่อให้ความเห็นชอบทั้งฉบับ ซึ่งต้องใช้เสียง
เลขาธิการรัฐสภา ประเมินว่า หากวาระสองแล้วเสร็จภายในวันที่ 11 ธันวาคม จะครบกำหนด 15 วัน ในวันที่ 26-27 ธันวาคม และคาดว่าจะพิจารณาวาระ 3 ได้เร็วที่สุดในวันที่ 29 ธันวาคม 2568 หรืออาจเป็นช่วงหลังปีใหม่ วันที่ 5-6 มกราคม 2569 ขึ้นอยู่กับความพร้อมของสมาชิก หลังจากรัฐสภาให้ความเห็นชอบในวาระ 3 แล้ว จะส่งเรื่องให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ดำเนินการจัดทำประชามติ ต่อไป
นอกจากกลไกและคุณสมบัติของคณะผู้จัดทำแล้ว กมธ. เสียงข้างมาก ยังได้กำหนดขอบเขตการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ให้ครอบคลุม 10 ประเด็นสำคัญ เพื่อให้การร่างรัฐธรรมนูญเป็นไปตามเจตนารมณ์และสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง
โดยประเด็นหลักที่ต้องมีในร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประกอบด้วย
ขอบเขตดังกล่าวสะท้อนเจตนาที่ต้องการให้รัฐธรรมนูญใหม่มีความเป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยเน้นการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ขณะเดียวกันก็ตอกย้ำถึงการธำรงไว้ซึ่งสถาบันหลักของชาติและหลักนิติธรรม
ที่มา : thansettakij