การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล รวม 10 คน โดยเริ่มวันแรกในวันที่ 16-19 ก.พ. ทั้งนี้ จะดำเนินการโหวตออกเสียงลงมติในวันที่ 20 ก.พ. รวมการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องไปเป็นระยะเวลา 4 วัน 4 คืน
เวลา 10.45 น. นายสมพงษ์ ผู้นำฝ่ายค้านได้อภิปรายเปิดญัตติเป็นคนแรก โดยตอกย้ำถึงความไม่ไว้วางใจต่อการบริหารราชการแผ่นดิน ของ 10 รัฐมนตรี และมีเนื้อหาที่เป็นสาระสำคัญ คือ การบริหารราชการแผ่นดินผิดพลาด ล้มเหลว ใช้ตำแหน่งหน้าที่เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ตนเองและพวกพ้อง รวมถึงพบการใช้อิทธิพล ปกปิดการทุจริต ใช้อำนาจไม่ซื่อสัตย์สุจริต ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายไร้ความสามารถต่อการควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 จนสร้างผลกระทบต่อประชาชน
พร้อมระบุ พล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยทำตามสัญญาที่ให้ไว้เมื่อเกือบ 7 ปีที่แล้ว ว่าจะคืนความสุขมาให้ประชาชน แทนที่จะเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง กลับเอาตนเองเป็นศูนย์กลาง กลับตีโพย ตีพาย เห็นปัญหาในทุกทางออก แทนที่จะคิดเก่ง ทำเก่ง ดังเช่นที่เคยโอ้อวดว่า การบริหารประเทศไม่เห็นยากเลย พล.อ.ประยุทธ์กลับบริหารประเทศแบบคิดไป ทำไป ไม่มีการวางแผน ไม่รอบคอบ ไม่รัดกุม กลับไปกลับมา และโยนความผิดให้ประชาชน ทำให้เมื่อเผชิญวิกฤตอย่างโรคโควิด -19 ประชาชนจึงทุกข์แสนสาหัส ธุรกิจใหญ่น้อยจึงทยอยล้มลง แม้ธุรกิจที่ยืนหยัดต้านทุกวิกฤตมาได้หลายสิบปี ก็ต้องปิดกิจการในยุคของพล.อ.ประยุทธ์
“พล.อ.ประยุทธ์ลืมไปว่า ประชาชน 67 ล้านคนจ่ายเงินเดือนให้เขามาทำงาน เพื่อทำให้ชีวิตประชาชนดีขึ้นต้องการนายกรัฐมนตรีที่ห่วงใยประชาชน มากกว่าห่วงการรักษาอำนาจของตนเอง ต้องการนายกรัฐมนตรี ที่ทำสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่านายกรัฐมนตรีที่สนใจแต่ความนิยมในโพลที่ลิ่วล้อบริวารเสกสรรปั้นแต่งขึ้นมาพล.อ.ประยุทธ์ไม่มีวิสัยทัศน์ ไม่มีภาวะผู้นำ ไม่สามารถรวมพลังผู้มีความรู้ความสามารถเข้ามาช่วยกันพัฒนาประเทศชาติ ได้แต่อวดอ้างไปวันๆ ว่า ตนซื่อสัตย์ แต่กลับนิ่งดูดาย วางเฉยให้พวกพ้องและบริวารทุจริตฉ้อฉล
รัฐบาลพลเอกประยุทธ์จึงเป็นได้เพียง “รัฐบาลปรสิต” ที่กัดกร่อนอนาคตของประเทศและกลืนกินความฝันของประชาชน รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ไม่ใช่รัฐบาลของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน จึงไม่อาจยินยอมให้พล.อ.ประยุทธ์ยังทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีต่อไป
เวลา 11.15 น. นายสุทิน คลังแสง ส.ส. มหาสารคามพรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ฝ่ายค้านอภิปรายเพราะหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น หวังแก้ปัญหาประเทศ ประชาชนอยู่ดีกินดี ประเทศมีความหวัง โดยแบ่ง 3 ระดับ คือหวังว่านายกและรัฐมนตรีเปลี่ยนวิธีคิด วิธีการทำงาน การอภิปรายรัฐมนตรีจำนวนมาก เพื่อหวังเปลี่ยนแปลงคือชี้ให้เห็นว่า 9 รัฐมนตรี คือจุดอ่อน ไม่มีประสิทธิภาพ ทุจริต และเป็นตัวคนที่มีปัญหาของประเทศ ต่างชาติไม่ยอมรับ ไร้ประสิทธิภาพในการบริหารประเทศ มีการทุจริตมาก เอื้อพวกพ้องทำบ้านเมืองเสียหาย การขาดจริยธรรมสำหรับผู้นำ ของนายกฯ ที่ควรจะมีแล้วท่านไม่มี และความล้มเหลวจากการเมืองเป็นเหตุ
วันนี้ประเทศมีปัญหาหลายอย่างทั้งเศรษฐกิจ และเชื่อมโยงไปถึงปัญหาสังคม ซึ่งในยุครัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ มีการฆ่าตัวตายที่สูงขึ้นหากเทียบกับยุคน.ส. ยิ่งลักษณ์ อดีตนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้วตัวเลขบ่อนก็สูงขึ้น นายกจะได้รู้ว่าผู้นำประเทศที่เป็นชายชาติทหาร มีอำนาจในมือ เคยเป็นองค์รัฏฐาธิปัตย์ยึดอำนาจมา แล้วอยู่ในครม.ชุดนี้มีอดีตผบ.ทบ. 3 คน แล้วส.ส. ก็ของท่าน เสียงสภาส่วนใหญ่ก็ของท่านแล้วเส้นใหญ่ด้วย อำนาจเต็มมือ ทำไมจึงปราบบ่อนไม่ได้ และแผลงฤทธิ์จนเกิดโควิด ต้องใช้เงินเท่าไร่ต้องนำมาตามแก้แล้วคุ้มไหมกับการรับส่วย รวมถึงยาเสพติดก็ระบาด ขายเกลื่อนในชุมชน 3 เม็ดร้อย ทั้งนี้การที่นายกฯ ยอมรับแล้วว่าปราบไม่ได้ และหมดปัญญาแก้ปัญหาสังคม ซึ่งชาวบ้านจะอยู่อย่างไร ส่วนเรื่องโควิดก็แก้ปัญหาล้มเหลว
ขอขอบคุณ อุปกรณ์ จาก Nikon Professional Services Thailand