บลจ.กสิกรไทยสร้างหมุดหมายใหม่ในวงการลงทุนไทย ด้วยการเปิดตัวบทวิจัย “KAsset Capital Market Assumptions” หรือ KCMA ประจำปี 2568 จัดทำสิ่งที่ในประเทศยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน
บทวิจัยนี้ ได้รับความร่วมมือจาก J.P. Morgan Asset Management บลจ.ชั้นนำระดับโลก ซึ่งมีข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญสำหรับการลงทุนระยะยาว สามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลายมุม
KCMA เป็นบทวิจัยที่ให้มุมมองครอบคลุมทุกมิติเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก แนวโน้มผลตอบแทน และความเสี่ยงของสินทรัพย์กว่า 100 ประเภทในช่วงเวลา 10-15 ปีข้างหน้า ซึ่งถือว่าเป็นการมองภาพในระยะยาว และนี่คือ บทวิจัยที่มีรายละเอียดเจาะลึกข้อมูลที่ Exclusive และแน่นอนว่า ยิ่งเรารู้ "แนวโน้ม" ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ยิ่งไกลเท่าไรก็ยิ่งเป็นผลดี เพราะจะได้วางแผนต่างๆได้อย่างรัดกุม รอบคอบ
KCMA มุ่งเน้นการสร้างแนวทางการจัดสรรสินทรัพย์ (Asset Allocation) อย่างเหมาะสม รวมถึงการนำเสนอ “Life Path Solutions” ที่ช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถบริหารพอร์ตการลงทุนตามช่วงอายุได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายวิน พรหมแพทย์ , CFA ประธานกรรมการบริหาร บลจ.กสิกรไทย ฉายภาพให้เห็นว่า งานวิจัยนี้เกิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ลงทุนไทยในยุคที่เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เช่นเดียวกันกับประเทศไทยที่กำลังเผชิญกับความท้าทายด้านโครงสร้างหลายประการ เช่น ปัญหาสังคมผู้สูงอายุ และภาระหนี้ครัวเรือนสูง ปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในเชิงบวกและเชิงลบต่อผลตอบแทนการลงทุนในตลาดการเงิน ทั้งในและต่างประเทศ
บทวิจัย KCMA ได้ถูกพัฒนาและต่อยอดมาจากบทวิจัย "Long-Term Capital Market Assumptions" (LTCMAs) ของ J.P. Morgan Asset Management ที่ได้รับการยอมรับมาอย่างยาวนาน โดยบทวิจัย KCMA เป็นผลงานที่เกิดจากความมุ่งมั่นทุ่มเทในการทำงานร่วมกันของทีมผู้เชี่ยวชาญกว่า 30 คน จาก 4 ทีมบริหารการลงทุนหลักทั้งจาก บลจ.กสิกรไทย และ J.P. Morgan Asset Management
บทวิจัย KCMA จัดทำขึ้นเพื่อให้คำแนะนำเกี่ยวกับผลตอบแทนที่คาดหวังจากการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ลงทุนกลุ่มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้ลงทุนสถาบัน ผู้จัดการกองทุน และที่ปรึกษาทางการเงิน สามารถจัดสรรสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ (Strategic Asset Allocation) และการบริหารจัดการความเสี่ยงได้อย่างเป็นระบบ ทั้งนี้ ปัจจุบัน บลจ.กสิกรไทย ได้นำกรอบบทวิจัยมาใช้ในการบริหารจัดการพอร์ตการลงทุนแบบกระจายในหลากหลายสินทรัพย์ เช่น กองทุนกลุ่ม K-WealthPLUS Series และการวางแผนการจัดสรรสินทรัพย์ในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพตามกลุ่มช่วงอายุของสมาชิก (Life Path Solution) โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างผลตอบแทนระยะยาวอย่างยั่งยืน
• การกระจายความเสี่ยง: ควรลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาด
- หุ้นต่างประเทศ: การลงทุนในหุ้นต่างประเทศช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของพอร์ตโฟลิโอ และสามารถรับมือกับความเสี่ยงจากเงินเฟ้อได้ดี
- สินทรัพย์ทางเลือก:ควรพิจารณาลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก เช่น สินค้าโภคภัณฑ์ และอสังหาริมทรัพย์ เพื่อเพิ่มผลตอบแทนและกระจายความเสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เงินเฟ้อผันผวน
•การลงทุนในหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผล: หุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอสามารถเป็นแหล่งรายได้ที่มั่นคง โดยเฉพาะในตลาดหุ้นไทยที่อาจเผชิญกับความท้าทายด้านการเติบโตของรายได้
•การลงทุนในตราสารหนี้: ตราสารหนี้จะกลับมามีบทบาทสำคัญในการสร้างผลตอบแทนของพอร์ตโฟลิโอ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และตราสารหนี้สามารถช่วยลดความผันผวนของพอร์ตโฟลิโอได้
•การลงทุนในเทคโนโลยี: ควรพิจารณาการลงทุนในเทคโนโลยี AI และระบบอัตโนมัติ เนื่องจากมีแนวโน้มที่จะส่งผลดีต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาว
•การลงทุนในตลาดเกิดใหม่ :แม้ว่าตลาดเกิดใหม่จะมีความเสี่ยง แต่ก็มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ควรเน้นการลงทุนที่เน้นการสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่ม (alpha) มากกว่าการพึ่งพาผลตอบแทนจากตลาดโดยรวม (beta)
• การเลือกผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญ: ในสภาพแวดล้อมที่ตลาดมีความผันผวนและมีโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่แตกต่างกัน การเลือกผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญและสามารถวิเคราะห์ตลาดได้อย่างแม่นยำจึงมีความสำคัญ
บทวิจัย KCMA ถือเป็นก้าวสำคัญของวงการลงทุนในประเทศไทย ข้อมูลเชิงลึกจาก KCMA จะช่วยให้ผู้ลงทุนสถาบัน และผู้ที่อยู่ในสายอาชีพการเงินและการลงทุน ได้ใช้ประโยชน์จากบทวิจัยนี้ เพื่อช่วยในการตัดสินใจลงทุนได้อย่างเหมาะสมในระยะยาว
และ บทวิจัย KCMA ไม่ได้เป็นเพียงแค่งานวิจัยเท่านั้น แต่เปรียบเสมือนคู่มือสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ลงทุนก้าวสู่ความสำเร็จในระยะยาว ด้วยข้อมูลที่ชัดเจนและคำแนะนำที่สร้างความมั่นใจในการจัดสรรสินทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพ