svasdssvasds

เลือกตั้งแบบ เอสโตเนีย ไม่เสียเวลาเดินทาง

เลือกตั้งแบบ เอสโตเนีย ไม่เสียเวลาเดินทาง

ประเด็นน่ารู้เกี่ยวกับ เอสโตเนีย ประเทศที่แยกตัวจากรัสเซียมาแล้ว 31 ปี มีประชากรหลักล้าน แต่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลพัฒนาประเทศจนเป็น "สังคมดิจิทัล" การใช้ชีวิตของพลเมืองผูกโยงกับดิจิทัลเกือบทั้งหมด รวมถึงการเลือกตั้งที่ลงคะแนนผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้ตั้งแต่ 7 ปีก่อน

เอสโตเนีย (Republic of Estonia) เป็นประเทศเล็กๆ ทางตอนเหนือของทวีปยุโรป ซึ่งแยกตัวเป็นอิสระจากสหภาพโซเวียตในปี 1991 ต่อมาได้รับการสนับสนุนด้านการเงินจำนวนมากโดยได้เข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป ในปี 2004 มียุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล และจากงบสนับสนุนก็นำมาใช้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแบบจัดเต็ม 

Estonia | Source : britannica.com

ชีวิตดิจิทัลในเอสโตเนียเป็นแบบไหน

อธิบายคร่าวๆ ก่อนว่าการพัฒนาพลเมืองเป็น พลเมืองดิจิทัล อยู่ภายใต้โครงการ e-Estonia ของรัฐบาลเอสโตเนีย โดย 99% ของบริการภาครัฐสามารถเข้าถึงได้ทางออนไลน์แล้ว และ 70% ของพลเมือง 1.3 ล้านคน ใช้บัตรประจำตัวดิจิทัล (Digital ID Card) เป็นประจำ

ในด้านชีวิตดิจิทัล เอสโตเนียได้ชื่อว่าเป็น Digital Nation โดยสิ่งที่พลเมืองเอสโตเนียนได้ใช้มีแทบทุกด้าน เช่น 

Source : youtube.com/user/EstonianICT

  • Digital ID Card 
  • Mobile ID
  • Smart ID
  • e-Services
  • e-Health Record
  • e-Ambulance
  • e-Democracy & open data
  • e-Tax
  • e-Banking
  • Remote Verification for Notaries
  • Free Wifi ในพื้นที่สาธารณะเกือบทั้งหมด

ด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่มีความพร้อม แผนพัฒนาพลเมืองของประเทศให้มีทักษะดิจิทัล ชาวเอสโตเนียนจึงสามารถใช้เทคโนโลยีต่างๆ ได้อย่างคล่องแคล่วและกลายเป็น พลเมืองดิจิทัล ไปโดยปริยาย 

e-Services ของเอสโตเนียทำผ่านระบบออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง แต่ก็มีสิ่งที่ทำผ่านระบบไม่ได้ (ต้องไปด้วยตัวเอง) คือ การจดทะเบียนสมรสและการหย่าร้าง

บทความเกี่ยวกับเอสโตเนียยังมีอีก

Source : valimised.ee

ไทม์ไลน์การพัฒนาระบบเลือกตั้งออนไลน์

ไม่ใช่แค่บริการทั่วไปในชีวิตประจำวันที่รัฐอำนวยความสะดวกไว้ให้ แต่การเลือกตั้งออนไลน์ก็ทำได้ทั้ง 12 เขต โดยเริ่มจาก

  • ปี 2005 เอสโตเนียเป็นประเทศแรกที่เปิดใช้การลงคะแนนออนไลน์ หรือ i-Voting
  • ปี 2007 หลังจากโดนภัยคุกคามทางไซเบอร์ รัฐจึงพัฒนา เทคโนโลยีบล็อกเชน (KSI Blockchain) เพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูล รักษาความเป็นส่วนตัวในระดับสูง และไม่ให้ใครแก้ไขข้อมูลได้
  • ปี 2012 เป็นครั้งแรกที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อกำกับดูแลการลงคะแนนเลือกตั้ง
  • ปี 2016 นิตยสาร Wired ยกให้เอสโตเนียเป็น สังคมดิจิทัลที่ก้าวหน้าที่สุดในโลก

ชาวเอสโตเนียนเลือกตั้งออนไลน์กันยังไง?

การลงคะแนนเลือกตั้งทางออนไลน์สามารถทำได้โดยใช้ Digital ID Card หรือ Mobile ID ที่เปิดใช้การพิสูจน์ตัวตนจากระยะไกลแล้ว และ ลายเซ็นดิจิทัล (Digital Signature) ที่มีผลผูกพันตามกฎหมาย โดยผู้ลงคะแนนต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชันจาก www.valimised.ee/en/internet-voting-estonia มาติดตั้งในคอมพิวเตอร์ส่วนตัวที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต อัปเดตโปรแกรมป้องกันไวรัสเรียบร้อย แล้วจึงเข้าไปยืนยันตัวตนเพื่อที่จะเข้าไปเลือกตั้ง

ผู้ใช้ Mobile ID ยืนยันตัวตนในระบบ i-voting สามารถกรอก Pin Code ที่ระบบจะส่งเข้าไปเป็น messageในสมาร์ทโฟนได้เลย

ระบบการลงคะแนนทางอินเทอร์เน็ต หรือ i-voting จะเปิดให้บริการก่อนเลือกตั้ง 7 วัน ผู้มีสิทธิลงคะแนนออนไลน์จะได้รับการแจ้งเตือนให้เข้าไปใช้สิทธิผ่านทางอีเมลก่อน และเมื่อถึงวันที่ลงคะแนนก็สามารถเข้าไปให้คะแนน ถ้าเปลี่ยนใจก็เข้าไปเปลี่ยนคะแนนโหวตได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง จนถึงวันเลือกตั้งจริง แล้วระบบจะจัดเก็บคะแนนเสียงครั้งสุดท้ายเอาไว้

คลิปสอนวิธีใช้งานระบบเลือกตั้งออนไลน์ในปี 2021 ผ่านระบบ i-voting ครั้งที่ 12 ของเอสโตเนีย

ด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน หลังจากเข้าไปส่งคะแนน แอปพลิเคชันจะแสดง QR ให้ผู้ลงคะแนนสแกนดูได้ว่า คะแนนเข้าเซิร์ฟเวอร์การลงคะแนนแล้วจริงๆ และตรงกับข้อมูลส่งเข้าไป เพื่อเป็นการเช็กความโปร่งใสของคะแนนเสียงได้ด้วยตัวเอง 

นอกจากนี้ ยังมีตารางคะแนนโหวตขั้นสุดท้าย ซึ่งรวมคะแนนเสียงจากการเลือกตั้งปกติและการเลือกตั้งผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ให้ดูในภายหลัง โดยรัฐบาลเอสโตเนียจัดทำเป็น ข้อมูลการเลือกตั้งแบบเปิด (Open data on Estonian elections) ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดดูเมื่อไหร่ก็ได้ และยังดูข้อมูลย้อนหลังได้อีกด้วย

ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของระบบนิเวศดิจิทัลที่เอสโตเนียพัฒนาจริง ใช้งานจริง เพียงมี Digital ID ที่ยืนยันตัวตนแล้ว มีอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ พลเมืองเอสโตเนียนก็ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปเลือกตั้งให้เสียเวลา ทั้งประหยัดค่าใช้จ่ายในระดับบุคคลและยังลดการใช้จ่ายของภาครัฐได้ไม่น้อย เช่น งบสำหรับจัดทำบัตรเลือกตั้ง

....................................................................................

ที่มา 

related