svasdssvasds

เปรียบเทียบสเปก เลือกซื้อ iPhone อย่างไรให้คุ้มค่า รุ่นเก่าก็มีดีไม่น้อย

เปรียบเทียบสเปก เลือกซื้อ iPhone อย่างไรให้คุ้มค่า รุ่นเก่าก็มีดีไม่น้อย

ราคาของโทรศัพท์แอปเปิลหรือ iPhone ในปัจจุบันมีตั้งแต่ 15,900 - 42,900 บาท แต่จริงๆแล้วคุณไม่จำเป็นต้องซื้อตัวท็อปสุดหากคุณไม่ได้ใช้ฟังก์ชันบางอย่าง และคุณจะสามารถประหยัดเงินไปได้ง่ายๆด้วยการเปรียบเทียบสเปกและเลือกรุ่นที่เหมาะสมกับคุณที่สุด

เชื่อว่าใครๆก็ต้องมีแพลนที่จะเลือกซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่เสมอ แต่คุณไม่จำเป็นต้องซื้อรุ่นใหม่ล่าสุดเสมอไป เพราะบางครั้งคุณอาจไม่จำเป็นต้องใช้สเปกที่สูงหากคุณใช้ไอโฟนเพียงแค่ฟังก์ชันพื้นฐานทั่วไป และวันนี้เราจะมาเปรียบเทียบตั้งแต่ iPhone ที่ราคาถูกสุดอย่าง iPhone SE จนถึงตัวที่มีราคาแพงที่สุดอย่าง iPhone 13 Pro Max ว่าไอโฟนรุ่นไหนจะเหมาะกับคุณที่สุด 

การเลือกซื้อโทรศัพท์ให้คุ้มค่า คุณมีทางเลือกมากมาย เช่น ถ้าคุณคิดถึงปุ่มโฮมลองมอง iPhone SE หรือ ต้องการโทรศัพท์ขนาดเล็กที่มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ดีถ้าอย่างนั้น iPhone 13 Mini ก็ตอบโจทย์ แต่บางคนก็อยากประหยัดงบ iPhone 11 ยังดีอยู่หรือไม่ มาหาคำตอบเหล่านี้กัน
 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

เปรียบเทียบสเปก เลือกซื้อ iPhone อย่างไรให้คุ้มค่า รุ่นเก่าก็มีดีไม่น้อย

iPhone SE 
ราคาเริ่มต้นเพียง 15,900 บาทรูปร่างตัวเครื่องที่เกือบจะเหมือนกันกับ iPhone 8 แต่อัพเกรดด้วยกระจกแบบเดียวกับของ iPhone 13  เป็น iPhone เครื่องเดียวในรายการนี้ที่มี Touch ID ซึ่งบางคนยังชอบมากกว่า ซึ่งถ้าใครชอบสแกนนิ้ว iPhone SE ตอบโจทย์แน่นอนและยังถูกอีกด้วย

และที่น่าสนใจ iPhone SE มีชิป A15 แบบเดียวกับ iPhone 13 ซึ่งก็ทำให้รุ่นนี้เร็วกว่า iPhone 12 เสียอีก แต่ในเรื่องฮาร์ดแวร์กล้องยังคงใช้รุ่นเก่าในปี 2017 แต่ได้เพิ่มระบบปฎิบัติการกล้องในปี 2022 ช่วยให้ถ่ายภาพสวยขึ้น
 

iPhone 11 
ราคาเริ่มต้น 19,900 บาท ไอโฟนรุ่นนี้จะไม่รองรับ 5G หากใครใช้ 5G อยู่ก็เลี่ยงได้เลย แต่หากปกติแล้วคุณใช้อินเทอร์เน็ต WiFi หรือ 4G รุ่นนี้ก็ไม่มีปัญหา ไอโฟนรุ่นนี้ยังคงใช้ชิป A13 แต่เป็นกล้องไวด์
อัลตร้าไวด์แล้ว ข้อเสียเปรียบที่ใหญ่ที่สุดคือหน้าจอแบบเก่าซึ่งใช้แผง LCD แทนจอ OLED ที่ดีกว่า ซึ่งถ้าใครชอบจอสวยๆ ก็ให้เลือกรุ่นอื่นได้เลย

iPhone 12 และ 12 Mini 
ราคาเริ่มต้นที่ 21,900 ถึง 25,900 บาท  มีหน้าจอแบบ OLED ขนาด 6.1 นิ้ว ซึ่งอาจจะไม่สวยเท่ารุ่น iPhone 13 ในเรื่องของชิป A14 Bionic และไม่มี GPU ก็อาจทำให้ภาพไม่สวยงามเท่ารุ่นที่มี GPU
รองรับการชาร์จ MagSafe และยังมีเซรามิก Shield ของ Apple ที่ด้านหน้าเพื่อช่วยลดรอยขีดข่วนและความเสียหายจากการตกหล่น

iPhone 12 Mini เป็นเพียงรุ่นเล็กของรุ่น 12 ที่มีหน้าจอ 5.4 นิ้ว ยังคงมีกล้องเซลฟี่ มุมกว้าง และอัลตร้าไวด์ใน iPhone 12 และ 12 Mini หากสิ่งสำคัญของคุณคือโทรศัพท์ที่มีกล้องดีที่สุด นี่ไม่ใช่ iPhone ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

iPhone 13 Mini 
ราคาเริ่มต้นที่ 25,900 บาท หากคุณกังวลเกี่ยวกับอายุการใช้งานแบตเตอรี่ของรุ่น Mini  ก็อย่ากังวลไป iPhone 13 Mini บรรจุแบตเตอรี่ที่ใหญ่กว่า iPhone 12 Mini  เพราะ iPhone 13 Mini ใช้งานได้ยาวนานกว่า 12 Mini ถึง 3.5 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง นอกจากนี้ยังใช้ได้นานกว่า iPhone 12 ปกติ ถึง 1 ชั่วโมงในการทดสอบเดียวกัน
มีกล้องไวด์และอัลตร้าไวด์เกือบเท่าๆ กับ iPhone 12 Pro Max ของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีหากคุณต้องการกล้องที่ดีแต่อยากได้โทรศัพท์ขนาดเล็กด้วย

iPhone 13
ราคาเริ่มต้นที่ 29,900 บาท เป็นการปรับปรุงมาจาก iPhone 12 บางคนอาจคิดว่ามันไม่แตกต่างกับรุ่นเก่า แต่รุ่นนี้สนับสนุน 5G และ Magsafe Chargeing หรือหัวจ่ายที่ชาร์จเร็วแล้ว
ตัวกล้องที่คล้ายกับ 12 Pro Max และแบตเตอรี่ที่อยู่ได้นานกว่าเดิมถึง 4.5 ชั่วโมง ในการชาร์จครั้งเดียว
ในเรื่องของชิป iPhone 13 ได้มากับ A15 Bionic พร้อม GPU 4-core  และยังมีโหมด Cinematic หรือการถ่ายภาพยนตร์ เพิ่มมาอีกด้วย

iPhone 13 Pro 
ราคาเริ่มต้นที่ 38,900 บาท ด้วยจอแสดงผลอัตราการรีเฟรชสูง เหมาะสำหรับใครที่ชอบดูวีดีโอ ดูภาพยนตร์ หรือเล่นเกม ในการใช้งานหน้าจอดูโดดเด่น แอนิเมชั่นดูราบรื่น กราฟิกดูคมชัด และแม้กระทั่งสิ่งธรรมดาๆ เช่น การเลื่อนฟีดก็ดูดีขึ้น สายถ่ายภาพก็มีโหมดถ่ายภาพมาโคร การบันทึกวิดีโอ ProRes และกล้องที่ดีที่สุดบน iPhone ที่เคยมีมา รองรับการชาร์จ 5G และ MagSafe เช่นเดียวกับ iPhone 13 รุ่นปกติ 13 Pro มีชิป A15 Bionic แต่ได้รับแกน GPU เพิ่มเติมเป็น 5 core ซึ่งช่วยให้โทรศัพท์เพิ่มประสิทธิภาพสำหรับการเล่นเกมและการตัดต่อวิดีโอ iPhone 13 Pro เป็นตัวเอก


iPhone 13 Pro Max
ราคาเริ่มต้นที่ 42,900 บาท ถ้าคุณต้องการแบตเตอรี่ที่ทนทานที่สุด รุ่นนี้ตอบโจทย์ และคุณควรรู้ก็คือว่า 13 Pro และ 13 Pro Max มีประสิทธิภาพไม่เหมือนกับ 12 Pro และ 12 Pro Max ที่เหมือนกันทุกประการและมีกล้องเหมือนกันแต่ต่างขนาดกัน

มีจอแสดงผลขนาดใหญ่ ProMotion ขนาด 6.7 นิ้ว เทียบกับรุ่น 6.1 นิ้วในรุ่น 13 Pro ไม่เพียงแค่ใหญ่กว่าและมีน้ำหนักมากกว่าอีกด้วย ส่วนหนึ่งของน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นนั้นมาจากแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ของ 13 Pro Max สำหรับใครที่ไม่ชอบโทรศัพท์หนักๆก็เลี่ยงก่อนได้เลย แต่ก็แลกมาด้วยประสิทธิภาพ 
 


 

related