ผู้ก่อตั้ง Deemoney มอง ตลาดคริปโทฯร่วง จากกรณีข่าว FTX ล้มละลาย เพราะกฎหมายตามไม่ทัน แม้สกุลเงินดิจิทัลอาจมีปัญหา แต่ยังเชื่อมั่นว่าเทคโนโลยีคืออนาคต
นายอัศวิน พละพงษ์พานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง Deemoney ระบุกับ SPRiNG ภายในงานสัมมนา Thailand Smart City : Bangkok Model จัดโดย โพสต์ทูเดย์ ในฐานะสื่อใหม่ภายใต้ เนชั่น กรุ๊ป และเนชั่นทีวี ว่า ถึงกรณีที่นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นจากกรณีที่แพลตฟอร์มซื้อ-ขายคริปโทฯ FTX ล้มละลาย ระบุว่า จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากการกำกับดูแลที่ไม่ทันต่อเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป คือ กฎหมายยังตามไม่ทัน แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าคนที่ก้าวเข้าไปก่อนก็ได้ประโยชน์ก่อน
"กฎหมายยังตามเทคโนโลยีไม่ทัน และตอนนี้เราเห็นปัญหาแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทั้งคริปโทฯ ล้ม , ความน่าเชื่อถือลดน้อยลง แต่ส่วนตัวเชื่อว่า หลังจากนี้จะมีกฎจากหน่วยงานที่กำกับดูแลออกมาเพื่อป้องกันหายนะไม่ให้เกิดขึ้นอีกอย่างแน่นอน" นายอัศวิน กล่าว
FTX เกิดอะไรขึ้น ?
สำหรับกรณีของ FTX เกิดจากการที่ ผู้ก่อตั้ง Sam Bankman-Fried นำเหรียญที่แพลตฟอร์มออกไปคำประกันบริษัทตัวเอง จนทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น จนนำไปสู่การล้มละลายในที่สุด
อ่าน : #สรุปให้ FTX แพลตฟอร์มซื้อ-ขายคริปโทฯ ล้มละลายเกิดอะไรขึ้น ? แบบเข้าใจง่าย
คริปโทฯ ยังเป็นเงินแห่งอนาคตอยู่ไหม ?
SPRiNG ถามถึง สกุลเงินดิจิทัล ยังคงเป็นอยาคตอยู่หรือไม่ ? นายอัศวิน มองว่า ตัวเทคโนโลยีที่นำมาใช้ในสกุลเงินดิจิทัล คือ อนาคต แต่ตัวมูลค่าของสกุลเงินแต่ละตัวเป็นความคิดเห็นของแต่ละบุคคล ซึ่งในส่วนของ Deemoney ก็มีการลงทุนในระบบการเงินดิจิทัลด้วย เพื่อรองรับพฤติกรรมและธุรกรรมทางการเงินที่เปลี่ยนไป
นายอัศวิน ระบุต่ออีกว่า หากเราย้อนกลับไปในวันที่อินเทอร์เน็ตเกิดขึ้นมาใหม่ ๆ ช่วงปี 1999-2000 เราจะเห็นว่าความนิยมสูงขึ้นแล้วก็ลดลงแบบสกุลเงินดิจิทัลที่เราเห็นในวันนี้ แต่ถามว่าอินเทอร์เน็ตหายไปไหม ? คำตอบคือไม่ อาจมีบางบริษัทล้มหายตายจากไป แต่เราได้เห็นธุรกิจต่าง ๆ เติบโตขึ้นจากอินเทอร์เน็ตเมื่อเวลาผ่านไป ดังนั้นเงินดิจิทัล และสกุลเงินดิจิทัล ในอนาคตก็จะมีการนำเทคโนโลยีที่ใช้อย่างบล็อกเชนมาพัฒนาในธุรกิจอื่น ๆ อย่างแพร่หลายแบบอินเทอร์เน็ต
อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง
ในส่วนของ Deemoney เอง กำลังทดลองใช้งานระบบการเงินบนโลกดิจิทัล อย่าง ดิจิทัลบาท เพื่อให้การทำธุรกรรมทางการเงินในอนาคตทำข้ามพรมแดนได้อย่างไร้รอยต่อ และมีค่าธรรมเนียมที่ถูกลง ดังนั้นจึงทำให้เราเชื่อในเทคโนโลยี
นายอัศวิน มองว่า ในอนาคตหากสถาบันการเงินแบ่งปันข้อมูลพื้นฐานผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล การยืนยันตัวตนต่าง ๆ จะกลายเป็นเรื่องง่าย แค่นับ 1 ถึง 3 เลยก็ว่าได้