svasdssvasds

Credit Suisse กับปฏิบัติการณ์ยื้อธุรกิจที่จะปล่อยให้ล้มแบบ SVB ไม่ได้!

Credit Suisse กับปฏิบัติการณ์ยื้อธุรกิจที่จะปล่อยให้ล้มแบบ SVB ไม่ได้!

Credit Suisse ประกาศยอมรับความช่วยเหลือจากธนาคารกลางในวงเงินสูงสุด 50,000 ล้านฟรังก์สวิส ถือว่าเป็นการขอรับเงินสนับสนุนในมูลค่าที่สูงมากและไม่อาจปฏิเสธ เพราะเป็นธนาคารใหญ่เครือข่ายเยอะ

กลายเป็นข่าวร้อนที่ต้องจับตามอง เพราะเครดิตสวิต (Credit Suisse) ถือว่าเป็นธนาคารที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ อยู่มายาวนานถึง 167 ปี มูลค่าสินทรัพย์กว่า6 แสนล้านดอลล่าร์สหรัฐ และมีเครือข่ายที่เชื่อมโยงกับธนาคารต่างๆ ในยุโรป

แม้ว่าเช้าวันนี้ (16 มีค.) ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ และสำนักงานตรวจสอบทางการเงินแห่งชาติ ออกแถลงการณ์ร่วมกัน ว่าเครดิตสวิสเป็นสถาบันการเงินที่มีเสถียรภาพ แต่ถ้าเครดิตสวิส “ต้องการ” ก็สามารถกู้ยืมเพื่อเพิ่มสภาพคล่องจากเอสเอ็นบีได้

ทำให้เครดิตสวิส รับไม้ต่อด้วยการยอมรับ "การสนับสนุน" จากธนาคารกลางด้วยการยื่นเรื่องขอรับความช่วยเหลือเป็นวงเงิน 50,000 ล้านฟรังก์สวิส หรือราว 1.85 ล้านล้านบาท ถือเป็นสถาบันการเงินรายใหญ่ระดับโลกแห่งแรก ที่ขอรับความสนับสนุนจากภาครัฐ นับตั้งแต่วิกฤติการเงินโลก

เครดิตสวิส

ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ และประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊ก "กอบศักดิ์ ภูตระกูล" ถึงความสำคัญของ ธนาคารเครดิตสวิส (Credit Suisse) และความจำเป็นที่ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ ต้องเข้าอุ้มแบงก์แห่งนี้

หลังตลาดกดดันมาทั้งวัน จนหุ้น Credit Suisse ทรุดลงไปมากกว่า 30% ใน 1 วัน !!! สุดท้าย ธนาคารกลางสวิส (SNB) และผู้กำกับสถาบันการเงินสวิส (FINMA) ประกาศพร้อมช่วยเหลือ Credit Suisse

FINMA ได้ติดตามหารือกับ Credit Suisse อย่างใกล้ชิด และได้ดูข้อมูลของธนาคารในมิติต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ตามที่กฏหมายกำกับสถาบันการเงินได้กำหนดไว้

อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม

ที่ต้องทำเช่นนี้ก็เพราะว่า Credit Suisse เป็นธนาคารที่สำคัญกว่า Silicon Valley Bank มาก มีขนาดสินทรัพย์ประมาณ 6 แสนล้านดอลลาร์ เป็นธนาคารขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของ สวิส มีอายุ 167 ปี

ฝังรากลึก มีโครงข่าย เชื่อมโยงกับธนาคารต่างๆในยุโรปในสหรัฐ อย่างลึกซึ้ง ใหญ่เกินไปที่จะปล่อยให้ล้ม เพียงผลจากเมื่อคืนนี้ แค่ความกังวลใจ ก็ทำให้หุ้นธนาคารอื่นๆ ในยุโรปก็ร่วงตามเป็นแถวๆ

ปัญหาเริ่มจากการสัมภาษณ์ธรรมดาๆ ที่ Saudi National Bank ตอบว่า ได้ลงทุนไปที่ 9.9% ของหุ้น Credit Suisse แล้ว หากเกิน 10% ก็จะเข้าสู่เกณฑ์ใหม่ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่สามารถลงเงินเพิ่มได้ แต่ข่าวที่ออกมา พาดหัวว่า "ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ Credit Suisse ปฏิเสธที่จะลงเงินต่อ ปฏิเสธที่จะช่วยเหลือเพิ่ม" เนื่องจาก Credit Suisse มีแผลอยู่แล้ว คนจับตามองอยู่แล้ว มีปัญหาเกิดขึ้นเนื่องๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา 

สิ่งที่ตามมาจากคำพูดสั้นๆ ดังกล่าว จึงกลายเป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง เกินคาด สะเทือนไปทั่วโลกแต่ท้ายสุด เนื่องจาก Credit Suisse ใหญ่เกินไป สำคัญเกินไป ให้ล้มไม่ได้ !!! ทางการจึงต้องเข้ามาดูแล ไม่มีทางเลือก

Credit Suisse กับปฏิบัติการณ์ยื้อธุรกิจที่จะปล่อยให้ล้มแบบ SVB ไม่ได้!

ทางด้านของ ชยนนท์ รักกาญจนันท์ ที่ปรึกษาด้านการลงทุนของ Finnomena ได้โพสต์เล่าเหตุการณ์เกี่ยวกับปัญหานี้ ว่า 10 ปีที่ผ่านมา Net Income ของ Credit Suisse เป็นตามนี้ (million $)

  • 2010 $5,692
  • 2011 $3,159
  • 2012 $1,440
  • 2013 $2,511
  • 2014 $2,052
  • 2015 -$3,064
  • 2016 -$2,751
  • 2017 -$999
  • 2018 $2,069
  • 2019 $3,441
  • 2020 $2,847
  • 2021 -$1,805
  • 2022 -$7,642 บวกกัน 10 ปี ยังเป็น Net Loss -$1,901 million

การขาดทุนของ Credit Suisse ที่ทำให้ตลาดวิตกกังวลครั้งแรกคือในปี 2015 ต่อเนื่องมาปี 2016 สาเหตุมาจากการตัดหนี้สูญของสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ที่เป็นผลพ่วงมาจากหลังวิกฤต subprime ปี 2008 และ euro debt crisis ในปี 2009 รวมถึง การซื้อขายที่ผิดพลาดของโต๊ะเทรดและต้องรับรู้ผลขาดทุนมโหฬาร

ธนาคารก็พยายามปรับโครงสร้างภายใน และเปลี่ยนผู้บริหารมาเรื่อยๆ ซึ่งเหมือนผลประกอบการของบริษัทจะดีขึ้นหลังจากนั้นแต่จนกระทั่งปี 2021ทาง CS ก็ตกเป็นข่าวร่วมกับธนาคารยักษ์ใหญ่ๆหลายๆแห่ง กับกรณี Archegos Capital จากการไปร่วมปล่อยกู้ Margin Loan เพื่อให้ Hedge Fund รายนี้ไปลงทุน

Credit Suisse กับปฏิบัติการณ์ยื้อธุรกิจที่จะปล่อยให้ล้มแบบ SVB ไม่ได้!

เพราะหุ้นที่ Archegos เข้าลงทุนกลับร่วงลงรุนแรง ทำให้สถาบันการเงินเหล่านี้ต้องเรียกหลักประกันมาวางเพิ่ม (Margin Call) เมื่อ Archegos หาหลักประกันเพิ่มให้ไม่ได้ ก็ต้องถูกสั่งบังคับขาย (Force Sell) และนำมาซึ่งการขาดทุนของ 2 ธนาคารยักษ์ใหญ่ เจ้าหนึ่งคือ Nomura และอีกเจ้าคือ CS

เฉพาะการบังคับขายขาดทุนหุ้นในพอร์ตของ Archegos ตอนนั้น CS เจอขาดทุนไป 5 พันล้านดอลล่าร์ ขณะที่ Nomura โดนไปเกือบๆ 3 พันล้านดอลล่าร์ และถ้ารวมทุกธนาคารรวมกันที่เสียหายจากเหตุการณ์นี้ ก็มากกว่า 1 หมื่นล้านดอลล่าร์ทีเดียว

Credit Suisse ถือเป็น 1 ใน 9 ธนาคารระดับโลก "Bulge Bracket" ซึ่งหมายถึงธนาคารขนาดใหญ่ที่มีอิทธิพลมากๆต่อระบบการเงินโลก ประกอบไปด้วย

  1. Bank of America
  2. Barclays
  3. Citigroup
  4. Credit Suisse
  5. Deutsche Bank
  6. Goldman Sachs
  7. JPMorgan Chase
  8. Morgan Stanley
  9. UBS

และที่สำคัญธนาคาร 9 แห่งนี้ ถือเป็น primary dealers สำหรับ US treasury ซึ่งมีปริมาณการเทรดเยอะที่สุดเมื่อเทียบกับพันธบัตรรัฐบาลแห่งอื่นๆ บนโลก นั่นยิ่งทำให้อิทธิพลของ 9 ธนาคารนี้ ต่อระบบการเงินโลกสูงทีเดียว จึงทำให้หากมีข่าวอะไรน่ากลัวๆ เกี่ยวกับ 1 ใน 9 ธนาคารนี้ โลกย่อมจับตา

ซึ่งต้องคอยติดตามกันต่อไปว่า หลังการขอยืมเงินมูลค่าสูงนี้ จะช่วยบรรเทาปัญหาหรือสร้างปัญหาเพิ่มจนสะเทือนไปทั้งโลกกันแน่

 

related