อนาคต "รถ EV" จะลดราคาจนเท่ารถสันดาป มีความเป็นไปได้จริงไหม?

รถ EV (Electric Vehicle) ในปัจจุบันยังมีราคาที่สูงกว่ารถยนต์สันดาปที่ใช้น้ำมันอยู่พอสมควร ซึ่งมาจากต้นทุนในการผลิต , ชิ้นส่วนต่างๆ ที่ยังไม่แพร่หลายเท่าที่ควร ซึ่งราคารถนั้นส่งผลทำให้คนตัดสินใจซื้อได้ยาก แต่ในอนาคตทาง IEA ได้ทำการวิเคราะห์ไว้ว่า "อีกไม่นานรถยนต์ไฟฟ้า จะมีราคาเท่ารถสันดาป" เรามาดูเหตุผลกันว่าการวิเคราะห์นี้มีความเป็นไปได้แค่ไหน 

มีการคาดการณ์ว่า ยอดขายรถ EV จะเพิ่มขึ้นมาจากกฎหมาย Inflation Reduction Act  ของสหรัฐฯ ที่มีเป้าหมายในการใช้นโยบายภาษีหลากหลายรูปแบบเพื่อแก้ปัญหาโลกร้อน โดยจะสนับสนุนอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green industry) และอุดหนุนการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของผู้บริโภค

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

• เซเว่นอีเลฟเว่น เปิดจุดชาร์จรถ EV แล้ว พร้อมเปลี่ยนรถเดลิเวอรี่เป็นไฟฟ้า
• CATL โชว์ความเจ๋ง พัฒนาแบตเตอรี่รถ EV รุ่นใหม่ ชาร์จเต็มวิ่งไกลถึง 1000 กม.
• เปิดประวัติ "ฉางอัน" แบรนด์รถจีน ตั้งโรงงานผลิตรถ EV ในไทย ทุ่ม 9,800 ล้านบาท

อีกทั้งจีนเป็นประเทศที่สนับสนุนและความร่วมมือในการใช้รถยนต์ไฟฟ้า โดยจำนวนรถไฟฟ้าทั้งรุ่นปลั๊ก-อิน ไฮบริดและรุ่นที่ใช้แบตเตอรี่ในจีนคิดเป็นร้อยละครึ่งของจำนวนรถไฟฟ้าทั่วโลก นอกจากนี้ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้ากว่า 60% ในปีที่แล้ว ล้วนเกิดขึ้นในจีนแผ่นดินใหญ่ 

หัวหน้านโยบายเทคโนโลยีพลังงานของ IEA กล่าวว่า เรายังได้เห็นราคาของรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นเล็กบางรุ่นในจีนขยับลงจนมีราคาเทียบเท่ารถเครื่องยนต์สันดาปอีกด้วย

ทั้งนี้ จากรายงานมีการคาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 35% ในปีนี้ จนแตะ 14 ล้านคัน โดยคิดเป็น 18% ของตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคล

หัวหน้านโยบายเทคโนโลยีพลังงานของ IEA ยังให้ความเห็นเสริมว่า “เราคาดว่าราคารถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กและขนาดกลางในตลาดอเมริกาเหนือและยุโรปจะมีราคาเทียบเท่ากับรถยนต์สันดาปในช่วงกลางของทศวรรษนี้ และในส่วนของรถยนต์ขนาดใหญ่อย่าง SUV หรือรถกระบะ ราคาที่เทียบเท่าอาจเกิดหลั่นกันเล็กน้อย โดยคาดว่าจะตามมาช่วงต้นปี 2030”

ผู้อำนวยการบริหารของ IEA ยังระบุว่า รัฐบาลกำลังลงทุนในการขยายตัวของรถยนต์ไฟฟ้าเนื่องจากมีความกังวลด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งเสริมนโยบายอุตสาหกรรมและลดการพึ่งพาน้ำมัน โดยจากคาดการณ์ของ IEA การเปลี่ยนผ่านไปสู่รถยนต์ไฟฟ้าจะทำให้ปริมาณการใช้น้ำมันลดลงถึง 5 ล้านบาร์เรลต่อวันภายในปี 2030

จากการวิเคราะห์ของ IEA ทำให้เราสามารถคาดเดาและรู้ล่วงหน้าได้ว่า "รถยนต์ไฟฟ้า มีโอกาสสูงที่จะเทียบเท่ารถสันดาป" และนั่นจะทำให้อนาคตมีคนใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น และมีโอกาสที่จะก้าวสู่การปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ได้ในปี 2030 ในบางประเทศ

ซึ่งย้อนกลับมาในไทยก็มีการสนับสนุนเต็มที่จากรัฐบาลและเอกชนเช่นกัน ไม่ว่าจะการเปิดโอกาสให้ทั่วโลกมาตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ,​แบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า และอื่นๆอีกมากมาย 

ที่มา : reuters