svasdssvasds

กล้อง Polaroid กดชัตเตอร์ - เห็นภาพทันที มีนวัตกรรมและเทคฯอะไรซ่อนอยู่

กล้อง Polaroid   กดชัตเตอร์ - เห็นภาพทันที มีนวัตกรรมและเทคฯอะไรซ่อนอยู่

ชวนย้อนดู History of Tech ของ โพลารอยด์ - เรื่องราวของ Polaroid คือการเดินทางของนวัตกรรมที่เปลี่ยนโลก ความท้าทายที่เกือบทำลายล้าง และการฟื้นคืนชีพอย่างน่าทึ่ง

SPRiNG Tech ชวนย้อนดู History of Tech ของ โพลารอยด์ - ซึ่ง ไม่ใช่แค่แบรนด์ แต่เป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่เกิดจากเสียงชัตเตอร์และภาพที่ค่อยๆ ปรากฏตรงหน้าแบบทันทีทันใด -  เรื่องราวของ Polaroid คือการเดินทางของนวัตกรรมที่เปลี่ยนโลก ความท้าทายที่เกือบทำลายล้าง และการฟื้นคืนชีพอย่างน่าทึ่ง

มีแบรนด์ไม่กี่แบรนด์ที่สามารถนิยามยุคสมัยและฝังตัวเองลงในวัฒนธรรมสมัยนิยมได้อย่างสมบูรณ์เท่า Polaroid เสียงกลไกที่เป็นเอกลักษณ์ ภาพถ่ายที่ค่อยๆ ปรากฏขึ้นมา

ทั้งหมดนี้คือมรดกของบริษัทที่เริ่มต้นจากแนวคิดทางวิทยาศาสตร์อันซับซ้อน สู่การเป็นสัญลักษณ์แห่งความทรงจำที่จับต้องได้ในทันที แต่เส้นทางของ Polaroid ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ มันคือเรื่องราวของนวัตกรรมที่เปลี่ยนโลก ความท้าทายที่เกือบทำลายล้าง และการฟื้นคืนชีพที่น่าทึ่งซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าบางครั้ง...ความคลาสสิกนั้นเป็นอมตะ

กล้อง Polaroid   กดชัตเตอร์ - เห็นภาพทันที มีนวัตกรรมและเทคโนโลยีอะไรซ่อนอยู่ Credit ภาพ AFP

จุดกำเนิดแบรนด์  Polaroid 

เรื่องราวของ Polaroid ไม่ได้เริ่มต้นที่กล้องถ่ายรูป แต่เริ่มจากการต่อสู้กับ "แสง" ในช่วงทศวรรษที่ 1930 เอ็ดวิน เฮอร์เบิร์ต แลนด์ (Edwin Herbert Land) นักวิทยาศาสตร์และนักประดิษฐ์ผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกล กำลังครุ่นคิดถึงปัญหาแสงไฟหน้ารถยนต์ที่ส่องแยงตาจนก่อให้เกิดอุบัติเหตุ เขาหมกมุ่นกับทฤษฎีการโพลาไรซ์ (Polarizing) ซึ่งเป็นหลักการควบคุมคลื่นแสง และในที่สุด เขาก็ประสบความสำเร็จในการสร้างแผ่นพลาสติกบางๆ ที่ทำหน้าที่เป็น "ตัวกรองแสง" หรือโพลาไรเซอร์ได้สำเร็จ

นวัตกรรมชิ้นแรกนี้ได้วางรากฐานให้กับบริษัท Land-Wheelwright Laboratories ในปี 1932 (ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Polaroid Corporation ในปี 1937) และกลายเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่ถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลาย ลูกค้ารายแรกๆ คือบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Kodak ที่นำไปใช้เป็นส่วนประกอบของเลนส์กล้อง ขณะที่ American Optical นำไปผลิตเป็นแว่นกันแดด และในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เทคโนโลยีของ Polaroid ได้ถูกนำไปพัฒนาเป็นอุปกรณ์ทางการทหาร ตั้งแต่แว่นตากรองแสงระเบิดไปจนถึงกล้องส่องในที่มืด ส่งผลให้บริษัทเติบโตอย่างก้าวกระโดด

จุดเปลี่ยนสำคัญ - "ทำไมหนูไม่ได้รูปเลยล่ะคะ"

จุดเปลี่ยนที่ทำให้ Polaroid กลายเป็นตำนาน เกิดขึ้นจากคำถามไร้เดียงสาของลูกสาววัย 3 ขวบของเอ็ดวิน แลนด์ ที่ถามขึ้นด้วยความไม่อดทนว่า "ทำไมถ่ายรูปแล้วถึงไม่ได้รูปเลย ไม่อยากรอแล้ว" 

คำถามนี้จุดประกายให้แลนด์เริ่มภารกิจที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าประวัติศาสตร์การถ่ายภาพไปตลอดกาล นั่นคือการสร้างกล้องที่สามารถให้ภาพได้ทันทีหลังกดชัตเตอร์

วางจำหน่ายครั้งแรก ปี 1948

วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 1947 แลนด์ได้สาธิตสิ่งประดิษฐ์มหัศจรรย์นี้เป็นครั้งแรก และในวันที่ 26 พฤศจิกายน 1948 กล้อง Polaroid Land Model 95 ได้วางจำหน่ายเป็นครั้งแรกที่ห้างสรรพสินค้าในเมืองบอสตัน ผลลัพธ์คือมันขายหมดเกลี้ยงในเวลาอันรวดเร็ว โลกได้ตื่นตะลึงกับเทคโนโลยีที่รวมกระบวนการล้างและอัดภาพไว้ในตัวกล้องและฟิล์ม ความต้องการของผู้คนที่อยากเห็นภาพถ่ายในทันทีโดยไม่ต้องรอถูกเติมเต็ม และ Polaroid ก็ได้สร้างตลาดใหม่ที่ไม่มีใครเคยทำได้มาก่อน

กล้อง Polaroid   กดชัตเตอร์ - เห็นภาพทันที มีนวัตกรรมและเทคฯอะไรซ่อนอยู่ Credit ภาพ AFP

หลักการทำงานเบื้องหลังกล้อง Instant 

เทคโนโลยีของแลนด์อาศัยหลักการที่เรียกว่า "กระบวนการแพร่กระจายของสารเคมี" (Diffusion Transfer Process) โดยภายในฟิล์มจะมีชั้นของสารเคมีสำหรับสร้างภาพเนกาทีฟ (Negative) และโพสิทีฟ (Positive) พร้อมกับซองน้ำยาเคมีขนาดเล็ก เมื่อถ่ายภาพแล้วดึงฟิล์มออกจากตัวกล้อง ลูกกลิ้งภายในจะบีบซองน้ำยาให้แตกออกและเคลือบไปทั่วแผ่นฟิล์ม ทำให้เกิดกระบวนการทางเคมีที่สร้างภาพถ่ายสำเร็จรูปขึ้นมาในเวลาเพียงไม่กี่นาที


บริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีการเปิดตัวฟิล์มสีในปี 1963 และกล้องรุ่นไอคอนิกอย่าง Polaroid SX-70 (1972) และ OneStep ซึ่งทำให้การถ่ายภาพอินสแตนท์กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผู้คนทั่วโลก

อุปสรรคและความผิดพลาด Polaroid

แม้จะประสบความสำเร็จอย่างสูง แต่ Polaroid ก็เผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ ความผิดพลาดครั้งสำคัญเกิดขึ้นในปี 1977 กับการเปิดตัว Polavision ระบบถ่ายภาพเคลื่อนไหวสำหรับใช้ในบ้าน ซึ่งเปิดตัวในจังหวะเดียวกับที่กล้องวิดีโอเทปกำลังได้รับความนิยมอย่างสูง ทำให้ Polavision ล้มเหลวไม่เป็นท่าและสร้างความสูญเสียมหาศาลให้กับบริษัท

อย่างไรก็ตาม ความผิดพลาดที่ร้ายแรงที่สุดคือการมองข้ามคลื่นปฏิวัติลูกใหม่ : ยุคดิจิทัล ในขณะที่ Kodak ได้พัฒนากล้องดิจิทัลตัวแรกขึ้นในปี 1975 ผู้บริหารของ Polaroid กลับมองว่าตลาดนี้ยังไม่พร้อมสำหรับผู้บริโภคทั่วไป เมื่อตลาดกล้องดิจิทัลเริ่มเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงทศวรรษที่ 1990 Polaroid ซึ่งยึดมั่นกับความสำเร็จเดิมๆ กลับไม่มีผลิตภัณฑ์ที่จะออกมาแข่งขันได้เลย ความนิยมในกล้องอินสแตนท์ลดลงอย่างฮวบฮาบ นำไปสู่การเผชิญหน้ากับหนี้สินมหาศาล


และในที่สุด บริษัท Polaroid  ก็ได้ยื่นขอล้มละลายในปี 2001 ก่อนจะประกาศหยุดการผลิตฟิล์มอย่างเป็นทางการในปี 2008 ปิดฉากตำนานที่ดูเหมือนว่าจะไม่มีวันหวนกลับ

การฟื้นคืนชีพ : โครงการที่เป็นไปไม่ได้ (The Impossible Project) 

ในขณะที่โลกกำลังกล่าวคำอำลา Polaroid กลุ่มนักธุรกิจและแฟนพันธุ์แท้กลุ่มหนึ่งกลับมองเห็นคุณค่าที่ซ่อนอยู่ พวกเขาก่อตั้ง The Impossible Project ขึ้นมา โดยมีเป้าหมายที่ดูเหมือน "เป็นไปไม่ได้" นั่นคือการชุบชีวิตฟิล์มโพลารอยด์ขึ้นมาใหม่ พวกเขาระดมทุนเข้าซื้อโรงงานผลิตฟิล์มแห่งสุดท้ายของ Polaroid ในเนเธอร์แลนด์ และเริ่มต้นภารกิจท้าทายในการคิดค้นสูตรเคมีของฟิล์มขึ้นมาอีกครั้ง

The Impossible Project ในปี 2008 ประสบความสำเร็จเกินคาด กระแสความคิดถึงวันวาน (Nostalgia) และความต้องการประสบการณ์การถ่ายภาพแบบอนาล็อกที่จับต้องได้ ทำให้ฟิล์มของพวกเขากลายเป็นที่ต้องการอย่างรวดเร็ว และในปี 2017 ผู้ถือหุ้นใหญ่ของโครงการก็ได้เข้าซื้อแบรนด์ Polaroid และเปลี่ยนชื่อกลับมาเป็น "Polaroid" อย่างเต็มภาคภูมิอีกครั้ง

ทุกวันนี้ Polaroid กลับมาโลดแล่นในตลาดด้วยการผสมผสานเสน่ห์แบบดั้งเดิมเข้ากับเทคโนโลยียุคใหม่ กล้องรุ่นใหม่อย่าง Polaroid Now มาพร้อมเลนส์ออโต้โฟกัสและแฟลชที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันก็ขยายผลิตภัณฑ์ไปสู่เครื่องพิมพ์ภาพจากสมาร์ตโฟน เป็นการเรียนรู้จากอดีตและปรับตัวเข้ากับโลกดิจิทัล โดยไม่ทิ้งจิตวิญญาณแห่ง "ความทันที" ที่เป็นหัวใจของแบรนด์


Polaroid สะท้อนปรัชญาของเอ็ดวิน แลนด์ ที่เชื่อว่า "หน้าที่ของธุรกิจคือการค้นหาความต้องการที่ซ่อนอยู่ของมนุษย์ และเติมเต็มมันด้วยวิทยาศาสตร์" ซึ่งแนวคิดนี้ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับนักนวัตกรรมรุ่นหลังอย่าง สตีฟ จ็อบส์ จากแสงโพลาไรซ์สู่ภาพถ่ายอินสแตนท์ จากการล้มละลายสู่การฟื้นคืนชีพ Polaroid ได้พิสูจน์แล้วว่า นวัตกรรมที่แท้จริงไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยี แต่คือการสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่เชื่อมโยงกับความรู้สึกของผู้คนได้อย่างไม่เสื่อมคลาย

ที่มา : acs  britannica

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

related