แผ่นป้ายไม้จากหลุมศพมัมมี่อียิปต์ ให้เบาะแสสภาพอากาศอากาศโบราณได้

สืบค้นเพื่อเรียนรู้ ทีมนักวิจัยกลุ่มหนึ่งจากมหาวิทยาลัยเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ได้ทำการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ ว่าแผ่นป้านไม้มากกว่า 300 แผ่นที่ติดอยู่กับมัมมี่อียิปต์ในยุคโรมันอาจนำไปสู่การรับรู้ ภูมิอากาศโบราณ การเกษตร รวมถึงการผันผวนของสภาพอากาศได้

ตามการค้นพบ มัมมี่ทุกร่างมักมีแผ่นป้ายไม้ประจำตัว เสมือนกับใบมรณบัตร เป็นป้ายที่ระบุข้อมูลที่หลากหลาย อาทิ ชื่อผู้เสียชีวิต ชื่อพ่อแม่ของผู้เสียชีวิต หรือข้อความทางศาสนา เป็นต้น

แผ่นไม้บางแห่งจากการตรวจสอบพบว่า บางแผ่นก็ทำขึ้นโดยสมาชิกในครอบครัว บางแผ่นก็ทำขึ้นจากโรงงานทำไม้โดยเฉพาะ สังเกตได้จากความปราณีต และโรงงานส่วนใหญ่น่าจะเคลือบแผ่นไม้มาให้ด้วย และการการศึกษายังพบว่า ในยุคสมัยนั้นมีการค้าขายทางไกลกัน หนึ่งในนั้นคือการนำเข้าไม้บางชนิด เช่น ต้นสน รวมถึงพบไม้จากต้นซีดาร์ด้วย ซึ่งเป็นไม้ที่นิยมในกลุ่มคนชนชั้นสูง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• นักโบราณคดีขุดพบ ลิ้นทองคำ ในมัมมี่อายุ 2,000 ปีในอียิปต์

• พบฟอสซิลมนุษย์อายุ 3.6 ล้านปีในถ้ำแอฟริกาใต้

• ตื่นเต้น พบมัมมี่ลูกแมมมอธขนดกอายุ 30,000 ปี ในอเมริกาเหนือ

แต่สิ่งที่นักวิจัยพยายามหาสิ่งที่มีค่ามากกว่าข้อความจากแผ่นไม้ คือ การมองหาประวัติศาสตร์ผ่านเนื้อไม้บนแผ่นป้าย เพราะตอนนี้นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่า แผ่นป้ายไม้เหล่านี้สามารถทำให้เรารับรู้เรื่องสภาพอากาศในอดีตได้ ซึ่งอาจนำไปสู่การเรียนรู้และรับมือเพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับยุคสมัยปัจจุบัน

พวกเขาเริ่มจากประวัติศาสตร์ที่รู้กันดีอยู่แล้ว อย่างข้าวสาลีซึ่งเป็นพืชที่นิยมบริโภคในจักรวรรดิโรมันซึ่งปลูกในอียิปต์ ป้ายไม้สามารถให้เบาะแสแก่เราได้ว่า สภาพอากาศที่ปลูกข้าวในช่วงนั้นเป็นอย่างไร

ซึ่งคาดว่า เกิดขึ้นในช่วงที่อียิปต์อยู่ในมณฑลของโรมัน เมื่อ 30 ปีก่อนคริสตศักราช จนมาถึงปี ค.ศ. 641 ก็ได้ถูกพิชิตดินแดนโดยมุสลิม ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นประเทศอียิปต์ อียิปต์กลายเป็นผู้ผลิตธัญพืชรายใหญ่ให้กับจักรวรรดิโรมันและมีเศรษฐกิจภายในที่เติบโตสูง  

• มีอะไรซ่อนอยู่ในพีรามิดมายาโบราณของเม็กซิโกกันนะ?

• มัมมี่เก่าแก่ที่สุดในโลกอายุ 8,000 ปี ถูกพบในโปรตุเกส

แผ่นป้ายบอกอะไรเราได้บ้าง?

แผ่นป้ายให้เบาะแสกับเราในรูปแบบของวงแหวนการเจริญเติบโตของต้นไม้ หากแผ่นป้ายมีวงแหวนกว้าง บ่งบอกถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วในปีที่เปียกชื้น ในขณะที่วงแหวนแคบอาจเป็นผลมาจากภัยแล้ง แต่ก็ต้องดูรูปแบบของวงแหวนที่ต่างกันของการเจริญเติบโตของต้นไม้แต่ละชนิด เช่น ต้นสน ไซเปรส ต้นซีดาร์ และจูนิเปอร์ ซึ่งวงแหวนเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความผันผวนที่เป้นไปได้ว่าพวกมันเติบโตในช่วงหน้าฝนหรือหน้าแล้ง

นอกจากนี้ เราสามารถวิเคราะห์ได้ด้วยว่า แผ่นป้ายที่ถูกสร้างขึ้นพร้อมกันหลาย ๆ แผ่นและถูกสร้างจากเนื้อไม้เดียวกัน อาจเชื่อมโยงถึงการตายหมู่ หรืออาจเกิดโรคระบาดขึ้นก็มีแนวโน้มเป็นไปได้ ในอนาคตจึงต้องทำการศึกษาต่อไปว่า เชื้อโรคแบบไหนล่ะที่คร่าชีวิตผู้คนเหล่านี้ ซึ่งตอนนี้มีในใจนักวิทย์คือ กาฬโรค ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อช่วงปลายศตวรรษที่ 2 และประมาณกลางศตวรรษที่ 3 (Huebner 2021)

แต่ข้อจำกัดก็ยังคงมีอยู่ คือเราไม่สามารถระบุวันที่ที่แน่นอนให้กับวงแหวนและเหตุการณ์ที่ได้จากต้นไม้ออกมาได้และสิ่งนี้เองที่กำลังทำให้พวกเขาต้องพยายามมากขึ้นในการพยายามรับรู้ช่วงเวลาให้ละเอียดยิ่งกว่าเดิม และเนื้อไม้เหล่านี้น่าจะมีเบาะแสอีกมากมายให้เราได้ค้นพบ

ที่มาข้อมูล

Archaeology

Brill