ทำไม “Barbie” ต้องเป็นสีชมพู ? เคยตั้งคำถามแบบนี้กันบ้างไหม...เราลองมาหาคำตอบกัน กับภาพยนตร์ที่สำเร็จมากๆ เมื่อปี 2023
สีชมพูใน ภาพยนตร์ Barbie (2023) ซึ่งกวาดรายได้ไปราวๆ 1,447 ล้านเหรียญ และทำรายได้สูงสุดตลอดกาลเป็นอันดับที่ 16 ของโลก ไม่ได้มาเพราะความหวาน แต่มาด้วยความตั้งใจของผู้กำกับเกรต้า เกอร์วิก Greta Gerwig ที่ต้องการสร้างโลก “Barbieland” ให้ออกมาเหมือนของเล่นจริง ๆ — สวย แต่ประดิษฐ์ (beautiful but artificial).
เกรต้า เกอร์วิก ผู้กำกับสั่งตรงกับทีมออกแบบให้เลือกเฉดชมพูที่ดูสดจนเกือบล้น เพื่อให้คนดูรู้สึกเหมือนกำลังท่องโลกในจินตนาการของเด็กผู้หญิง และตั้งคำถามกับโลกนั้นไปพร้อม ๆ กับตัวละคร
ในช่วงเวลาที่สร้างหนังเรื่องนี้ มีข่าวเล็ดลอดออกมาว่า การใช้เฉดชมพูฟลูออเรสเซนต์ของบริษัท Rosco อย่างมหาศาล ทำให้โลกเกิดภาวะ “สีชมพูขาดตลาด” ชั่วคราวในช่วงถ่ายทำจริง! นี่คืออีกหนึ่งหลักฐานว่า ความ Over ของสีนี้ไม่ได้บังเอิญ แต่มาจากการออกแบบที่แม่นยำ และเป็นส่วนสำคัญในการสร้างอารมณ์ของเรื่อง
Barbie ไม่ได้แค่ อยู่ในโลกสีชมพู แต่ เธอ (ในที่นี่คือ มาร์โกต์ ร็อบบี้ Margot Robbie นักแสดง) เป็น สีชมพู
เมื่อเรื่องราวดำเนินไป สีชมพูที่เคยสดใสเริ่มเปลี่ยนแปลง อาทิ ฝักบัวไม่มีน้ำไหล อาหารเช้าไหม้ — บอกเป็นนัยว่า โลกของ Barbie กำลังสั่นคลอน พร้อม ๆ กับการตั้งคำถามในตัวเธอเอง
ในขณะที่สีชมพูมักถูกมองว่าเป็นของผู้หญิง ภาพยนตร์เรื่องนี้กลับใช้มัน มากจนดูเกินจริง (hyper-pink) เพื่อสะท้อนและตั้งคำถามว่า
มันทั้งเฉลิมฉลองอัตลักษณ์ตัวตนของบาร์บี้ และในขณะเดียวกันก็ท้าทายภาพลักษณ์แบบเหมารวมที่สังคมโยงไว้กับสีนี้
เมื่อ Barbie ก้าวออกจากโลกแฟนตาซีเข้าสู่ลอสแอนเจลิส สีชมพูในฝั่งหนึ่งก็ตัดกับความเป็นจริงที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย หม่น และซับซ้อน การตัดกันของโทนสีนี้คือหนึ่งในเทคนิคภาพที่ช่วย “เล่าเรื่อง” และ “สะท้อนธีม” ได้ชัดเจนโดยไม่ต้องพูดสักคำ
สีชมพูใน Barbie ไม่ได้มีไว้ให้สวยอย่างเดียว แต่มันคือกลยุทธ์ที่ทรงพลัง — ทั้งในการออกแบบ การสื่อสารอารมณ์ และการตั้งคำถามต่อบรรทัดฐานทางสังคม
สีชมพูที่ดู “มากเกินไป” นั้นแหละ คือเครื่องมือที่ทำให้เรื่องราวของตุ๊กตา มีชีวิต และพูดกับคนดูได้อย่างลึกซึ้ง
ที่มา : architecturaldigest smithsonianmag theguardian
ข่าวที่เกี่ยวข้อง