SHORT CUT
ผลสำรวจชี้เกือบครึ่งของ Gen Z เลือก “เงิน” เหนือ “ความรัก” พร้อมตั้งเพดานรายได้-ไม่เดตคนตกงาน สะท้อนค่านิยมรักยุคใหม่ที่ต้องมั่นคงและปลอดภัย
"รักก็สำคัญ...แต่เงินสำคัญกว่า?" ผลสำรวจล่าสุดเผยความจริงชวนตะลึง เกือบครึ่งของคน Gen Z พร้อมทิ้งความรักเพื่อเลือกความมั่นคงทางการเงิน และบางคนถึงขั้นยอมกลับไปคบแฟนเก่า หากอีกฝ่ายกลายเป็นคนรวย
ผลสำรวจจากบริการจัดหาคู่ Tawkify เผยตัวเลขชวนอึ้งว่า 46% ของคน Gen Z ยอมเลือกความมั่นคงทางการเงินระยะยาว แทนที่จะเลือกความรัก และเกือบหนึ่งในสามยังบอกด้วยว่า ถ้าแฟนเก่ากลายเป็นคนรวย พวกเขาพร้อมจะให้โอกาสอีกครั้ง เพราะในสายตาพวกเขา “ความรวย” ไม่ได้หมายถึงแค่บัญชีธนาคารที่ตัวเลขเยอะ แต่ยังสื่อถึงความมั่นคง ความทะเยอทะยาน และการพัฒนาตัวเองหลังเลิกกัน
หนึ่งในสิบของผู้หญิง Gen Z บอกว่า คู่ในฝันควรมีรายได้อย่างน้อย 200,000 ดอลลาร์ต่อปี และส่วนใหญ่ไม่เอาด้วยถ้ารายได้น้อยกว่า 80,000 ดอลลาร์ต่อปี ยิ่งไปกว่านั้น 46% ไม่ยอมเดตกับคนที่ตกงาน แม้จะมีเสน่ห์แค่ไหนก็ตาม เรื่องนี้ถือเป็น “ตัวตัดสินใจ” สำคัญยิ่งกว่าความเห็นทางการเมืองเสียอีก ในขณะที่เจน X กลายเป็นรุ่นที่ระวังการเงินมากที่สุด (52% เลือกเงินเหนือรัก) ส่วน Millennials ยังโรแมนติกสุด ๆ ถึง 59% เลือก “ความรักแม้จะจน”
แม้คนอเมริกัน 63% จะบอกว่ายอมแต่งงานกับคนที่รัก แม้ต้องลำบากไปตลอดชีวิต แต่ความจริงคือหลายคนยังมีเส้นขีดเรื่องรายได้และนิสัยการเงิน Tawkify บอกว่าปัจจุบันคนโสดไม่ได้มองแค่รายได้ แต่ยังจับตาไปถึงพฤติกรรมการใช้จ่าย แผนการออม และเป้าหมายทางการเงินในอนาคต เพราะถึงจะรักกันแค่ไหน ถ้ามุมมองเรื่องเงินต่างกัน ก็เสี่ยงไปต่อยาก
เกือบ 70% ของผู้ตอบแบบสอบถามทุกเจน บอกว่าพวกเขาเคยอยู่ในความสัมพันธ์นานกว่าที่ควรเพราะเรื่องการเงินที่พัวพันกัน และหนึ่งในสี่คือความสัมพันธ์แบบยาวนาน สำหรับ Gen Z ทัศนคตินี้เกิดจากการเติบโตท่ามกลางความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ ทั้งผลพวงวิกฤตปี 2008 หนี้การศึกษา และการตกงานช่วงโควิด
อย่างไรก็ตาม แม้จะฟังดูเน้นเงิน แต่ Gen Z ก็ไม่ได้ตัดความรักทิ้งหมดเสียทีเดียว เพราะยังมี 54% ที่ยอมเลือก “ความรักแม้จะจน” มากกว่าความสัมพันธ์ที่รวยแต่ไร้ชีวิตชีวา เพียงแต่พวกเขาต้องการให้ความรักนั้นอยู่ในกรอบที่รู้สึกมั่นคง ปลอดภัย และสอดคล้องกับตัวตนของพวกเขา