Whitewashing! จากอเมริกาสู่อิสราเอล เมื่อคนขาวฆ่าคนแล้วไม่ผิด?

'Whitewashing' คือ การปิดบังหรืออำพรางข้อเท็จจริงที่เลวร้าย หรือการฟอกขาว คำนี้มักจะถูกใช้หลายบริบท ทั้งวงการบันเทิงระดับฮอลีวูด และการเมืองโลก

ในสหรัฐอเมริกา การฟอกขาวถูกใช้ในการลบล้างประวัติศาสตร์การค้าทาสชาวแอฟริกัน โดยการเรียนการสอนในโรงเรียนของสหรัฐอเมริกา หลีกเลี่ยงที่จะกล่าวถึงอดีตเมื่อ 246 ปีก่อนที่ชาวแอฟริกันกว่า 300,000 คนถูกลักพาตัวขึ้นเรือข้ามมหาสมุทรมาขายเป็นทาส ถูกทรมาน ข่มขืน และใช้แรงงานจนหลายคนต้องตายตั้งแต่อายุยังน้อย แต่กลับใช้คำว่า ชาวแอฟริกันผู้รักชาติ (African Patriots) หรือการสนับสนุนในเชิงบวก (Positive Contribution)

ตั้งแต่ประธานาธิบดี โทมัส เจสเฟอร์สัน มีความพยายามสร้างความคิดที่เรียกว่า 'Happy Slave' การเอาคนแอฟริกันมาเป็นทาสคือการพัฒนาตัวเองของคนเหล่านี้ด้วยการอบรมสั่งสอนของคนขาว เช่นการสอนให้รู้จักการเพาะปลูก และการตีเหล็ก ทั้งที่ความจริงพวกเขาทำสิ่งเหล่ากันอยู่แล้วในแอฟริกา

ภายใต้ยุทธศาสตร์การขยายพรมแดนของอิสราเอล ทำให้เกิดการเดินขบวนกลับบ้านครั้งใหญ่ของชาวปาเลสไตน์ (The Great March of Return) ในปี 2018-2019 บริเวณพรมแดนฉนวนกาซากับอิสราเอล แม้การเดินขบวนนี้จะเป็นการประท้วงโดยปราศจากอาวุธที่มีทั้งเด็ก ผู้หญิง และคนชรา แต่ก็จบลงด้วยการเปิดฉากยิงของอิสราเอลและทำให้พลเมืองปาเลสไตน์เสียชีวิต 223 คน (47 รายเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี) และบาดเจ็บ 8,000 คน 

เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกศาลอาอาญาระหว่างประเทศ (ICC: International Criminal Court in The Hague) เข้ามาแทรกแซง 143 กรณีจึงถูกนำไปสืบหาความจริงโดยอัยการทหารของอิสราเอล 95 กรณีอัยการไม่ส่งฟ้อง และมีเพียงคดีเดียวที่เป็นการฆ่าเด็กปาเลสไตน์อายุ 14 ปี ถูกส่งฟ้อง โดยทหารที่กระทำการถูกพิจารณาว่าละเมิดต่ออำนาจหน้าที่อันทำให้เกิดอันตรายแก่ชีวิต โดยเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวให้คำรับสารภาพและถูกตัดสินให้บำเพ็ญประโยชน์ 1 เดือน และหลังจากนี้ทางการอิสราเอลก็ได้ประกาศผลการสอบสวนต่อ ICC ทันที

 

 

นอกจากนี้ กระบวนการฟอกขาว ยังถูกทำผ่านการสนับสนุนสิทธิมนุษยชนด้านใดด้านหนึ่งเพื่อปกปิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือการใช้ความรุนแรงด้านอื่นๆ ได้อีกด้วย เช่น Pinkwashing หรือ Rainbow Washing หรือใช้การสนับสนุนสิทธิ LGBTQ+ เป็นเครื่องมือ ยกตัวอย่างในสมัยประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช ของสหรัฐอเมริกา ก็ใช้การสนับสนุนสิทธิ LGBTQ+ สร้างภาพลักษณ์ของอเมริกาให้เป็นประเทศเสรี และประเทศแถบอาหรับและแอฟริกาตอนเหนือคือประเทศที่เกลียดกลัวคนที่มีความหลากหลายทางเพศ จนเคยมีคำกล่าวว่า การที่สหรัฐอเมริกาเข้าไปรุกรานอัฟกานิสถานและอิรักเพื่อช่วยเหลือกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศจากประเทศที่มีอคติทางเพศ

อิสราเอลพยายามสื่อสารกับโลกภายนอกว่าเป็นประเทศที่สนับสนุนสิทธิความหลากหลายทางเพศซึ่งทำให้แตกต่างและเหนือกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค ขณะที่กลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศในแถบประเทศอาหรับที่ต้องการลี้ภัยจากระเทศที่มีอคติทางเพศกลับไม่ได้รับการอนุญาตจากอิสราเอล โดยเฉพาะคนปาเลสไตน์ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีการจัดทำภาพยนตร์อิสราเอลเรื่อง The Bubble ที่ผลิตภาพจำของเกย์ที่เป็นมือระเบิดฆ่าตัวตาย

ขณระที่ในวงการภาพยนตร์ฮอลลีวูด การฟอกข่าวทางวัฒนธรรม คือ การใช้นักแสดงผิวขาวเล่นเป็นบุคคลชาติพันธุ์อื่นๆ เช่น กัล กาโดต์ นักแสดงชาวอิสราเอลที่เคยรับบทเป็นคลีโอพัตรา หรือภาพยนตร์เรื่องดอกเตอร์สเตรนจ์ที่ให้ทิลดา วินตัน นักแสดงาวอังกฤษมารับบทแอนเชียน วัน แทนที่จะเป็นชาวทิเบต ทำให้เกิดกระแสการวิจารณ์ว่าการเปลี่ยนเชื้อชาติของตัวละครคือการฟอกขาวทางวัฒนธรรม และเป็นนัยว่าคนเชื้อชาติอืนไม่ไม่เหมาะสมที่จะได้รับความสนใจ 

 

อ้างอิงข้อมูล:
https://www.aljazeera.com/opinions/2023/8/13/whitewashing-slavery-in-us-schools-will-teach-students-anti-blackness

https://www.middleeastmonitor.com/20211202-israel-whitewashed-crimes-against-palestinians-during-gaza-protests/

https://www.arabizitranslations.com/blog/rainbow-washing-in-representation

https://www.silpa-mag.com/history/article_5682

https://www.creativethailand.org/view/article-read?article_id=33464

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

รู้จักกองทัพอิสราเอล ขนาดเล็กแต่เข้มแข็ง และผู้หญิงก็ต้องเกณฑ์ทหาร

ประวัติ กลุ่มกบฏฮูตี พันธมิตรฮามาสในเยเมน เมื่อสงคราม อิสราเอล-ฮามาส ขยายวง

ประวัติ เฮซบอลเลาะห์ พรรคของพระเจ้า : อีกหนึ่งศัตรู อิสราเอลทางทิศเหนือ

ฉนวนกาซา ประวัติ ดินแดนกันชน อิสราเอล-ปาเลสไตน์ : คุกเปิดที่ใหญ่ที่สุดในโลก