มัดรวมดราม่า นายกฯ เศรษฐา มีอะไรบ้าง : เขวี้ยงปากกา ไปเป็นขี้ข้าเขาก่อน

นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ทำงานในตำแหน่งผู้นำประเทศในเวลาไม่ถึงครึ่งปี แต่ก็ถูกกระแสสังคมจับจ้องอย่างมากมาย  และหนีไม่พ้นถูกโยงเข้าเรื่องดราม่าต่างๆ จนกลายเป็นกระแสให้วิพากษ์วิจารณ์ ถึงความไม่เหมาะสมในบางเรื่อง

เริ่มต้นตั้งแต่ ช่วงวันที่ 2 กันยายน 2566  เริ่มกันที่ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีถูกสังคมโซเชียลโจมตีเรื่องโยนปากกา ระหว่างรับฟังปัญหาจากกลุ่มวินจักรยานยนต์รับจ้าง  แต่สุดท้าย นายกฯ เศรษฐา ชี้แจงว่า ต้องขอโทษ หากภาพที่ออกมาทำให้เข้าใจผิด โดยขอยืนยันว่า ไม่ได้เขวี้ยงปากกา หรือ แสดงความไม่พอใจ เพียงแต่พี่น้องผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง เข้ามาปรึกษาหลายประเด็น ดังนั้นตอนนั้นต้องรีบจดให้ทัน แต่พอเขียนไปแล้วหมึกหมด จึงปล่อยปากกาลงบนโต๊ะเฉย ๆ ไม่ได้มีอะไรมาก

@nationonline โซเชียลจับผิด “เศรษฐา” นายกฯ หัวร้อน ? โยนปากกาลงโต๊ะกลางงาน เหตุปากกาไม่ติด ซ้ำเปรียบเทียบ “พิธา” ที่ไม่เคยหงุดหงิด หรือเหวี่ยง ล่าสุด “เศรษฐา” ขอโทษ ยันไม่ได้โมโห และไม่ได้โยนปากกา แค่ปล่อยลงบนโต๊ะเท่านั้น #เศรษฐา #นายกฯ #พรรคเพื่อไทย #พิธา #ข่าวtiktok #NationOnline ♬ เสียงต้นฉบับ - nationonline

จากนั้น ในช่วงวันที่ 16 ก.ย. 2566 เศรษฐา ทวีสิน ลงพื้นที่ปฏิบัติภารกิจ ที่เชียงใหม่ โดยในช่วงเช้าวันนั้น ได้ลงพื้นที่บริเวณสันเขื่อน บริเวณทางเข้าหมู่บ้านป่าสักงาม และสะพานเชื่อมใจ ซึ่งอยู่ภายในโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนแม่กวงอุดมธารา ตำบลลวงเหนือ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ , จนมีการปรากฏคลิปที่มีการแชร์ในโซเชียลมีเดีย ซึ่งมีข้อความระบุว่า “#นายกเศรษฐา ดุตำรวจ ลงมาจากรถให้มาทำหน้าที่ ตอนเดินตรวจเขื่อนที่เชียงใหม่”

ไม่ได้ดุครับเพียงแต่บอกว่าให้ดับเครื่องรถยนต์ครับ https://t.co/o0FcRQyY7c

— Srettha Thavisin (@Thavisin) September 16, 2023

โดยในคลิปดังกล่าวเป็นภาพขณะที่ เศรษฐา ทวีสิน ขณะกำลังเดินผ่านรถตำรวจ ได้หยุดแล้วหันไปชี้นิ้วหมุนวนๆ เรียกตำรวจที่นั่งอยู่บนรถให้ลงมา ก่อนที่ตำรวจคนดังกล่าวจะเปิดประตูลงจากรถ และมีการพูดคุยกัน 

และสุดท้ายวันนั้น นายกฯ ยืนยันว่า “ไม่ได้ดุครับ เพียงแต่บอกว่าให้ดับเครื่องรถยนต์ครับ” 

จากนั้น เข้าสู่ช่วงเดือนตุลาคม ความเยอะสิ่ง ดราม่าของ นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ก็ยังไม่หยุดหย่อนง่ายๆ งานนี้ มาเกี่ยวข้อง กับเรื่องการเมืองร้อนๆกับ "บ้านใหญ่บางบอน" เฉลิม อยู่บำรุง , โดยเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ไปให้ความคิดเห็นโยงกับเรื่องระหองระแหงระหว่าง ทักษิณกับ เฉลิม ,นั่นทำให้ “เฉลิม อยู่บำรุง” ฉะ “นายกฯ เศรษฐา” อย่ายุ่งปมตัดขาด “ทักษิณ” บอกเรื่องนี้ไม่เกี่ยว จะเป็นนายกฯ ก็เป็นไป เชื่อว่าถ้าเป็นแบบนี้รัฐบาลจะพังในอีกไม่นาน

และหลังจากนั้น นายกฯ เศรษฐา จึงต้องยอม  ฝากคำขอโทษไปถึงเก็แล้วกันที่ทำให้ท่านระคายเคือง ไม่ใช่เรื่องของนายกฯ นายกฯก็คงไม่พูดต่อ แล้วสุดท้ายก็กราบขอโทษเฉลิมก็แล้วกันถ้าหากท่านไม่สบายใจ ซึ่งเมื่อถามว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ทำให้เสียสมาธิในการทำงานใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่หรอกครับ ผู้ใหญ่ไม่สบายใจเราก็ไม่สบายใจ

และหลังจากนั้น ไม่กี่ชั่วโมง ก็เกิดเหตุการณ์ ที่สะเทือนทั้งโลก กับ การปะทะกันระหว่างกลุ่มฮามาสกับอิสราเอล และในเหตุการณ์การปะทะกันในวันที่ 7 ตุลาคม 2566 , และมีคนไทยจำนวนหนึ่งถูกกลุ่มฮามาสจับไปเป็นตัวประกันด้วย ซึ่ง นายกฯ ทวีตประณามการโจมตีอิสราเอลของกลุ่มฮามาส  แต่ในภายหลัง ก็มีเสียงถูกวิจารณ์ว่า ควรสงวนท่าทีเพื่อช่วยตัวประกันก่อน

ผมขอประณามการโจมตีอิสราเอล การโจมตีที่ไร้มนุษยธรรมที่ทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องสูญเสียชีวิตและบาดเจ็บ และขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อรัฐบาลและประชาชนอิสราเอล เหตุการณ์นี้ไม่สมควรเกิดขึ้น และผมขอร่วมกับประชาคมโลกประณามการกระทำดังกล่าว

ผมได้สั่งการให้กองทัพอากาศเตรียมพร้อมเครื่อง… https://t.co/ILnb0lH6HJ

— Srettha Thavisin (@Thavisin) October 7, 2023

จากนั้นในช่วงปลายเดือน ตุลาคม ก็ยังมีเหตุการณ์ ดราม่าโลกออนไลน์อีก เมื่อ นายกฯ เศรษฐา จับมือ อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร  - โน้มตัวก้มลงคล้ายจุมพิตมือ  โดยภาพดังกล่าว นายกฯ ชี้แจงกรณีวิพากษ์วิจารณ์ภาพท่าทางจับมือ แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และโน้มตัวก้มลงคล้ายจูบมือนั้น จนทำให้มีผู้ตั้งคำถามว่าตอนนี้ประเทศไทย มีนายกรัฐมนตรี 2 คนหรือไม่  ว่า จริงๆแล้วความสัมพันธ์ระหว่างนายกฯ กับ น.ส.แพทองธาร มีกันมานานในฐานะพี่น้อง "อุ๊งอิ๊ง" แพทองธาร เป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ตนก็เป็นที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และเราเองก็ต่อสู้ด้วยกันมา

ร่วมทุกข์ร่วมสุขเวลาเสียงกันมา เรามีความรัก เรามีความเมตตา เรามีความเอ็นดู และเราก็มีความเป็นห่วงซึ่งกันและกัน มันเป็นการแสดงออกของคนสองคนที่เรามีความเป็นห่วงและเคารพซึ่งกันและกันอยู่แล้ว และงานวันนั้น นายกฯ ก็ไปในฐานะสมาชิกพรรคเพื่อไทย เราอยู่ในสถานะครอบครัว 

และที่สดๆร้อนๆ ช่วงปลายเดือน พฤศจิกายน 2566 , การไปบอก  ตัวแทนชุมชนชาวไทยในสหรัฐฯ ให้ “ไปเป็นขี้ข้าเขาก่อน”  โดยเป็นคำพูดที่นายกฯสอนลูก แต่โดนติงว่าไม่สุภาพ , อย่างไรก็ตาม ต่อประเด็นนี้ นายกฯเศรษฐา แจงดราม่าเรื่องนี้ว่า เป็นคำพูดส่วนตัวที่ใช้สอนลูกอย่างตรงไปตรงมาหลังเรียนจบใหม่ต้องเป็นลูกจ้าง อยากให้ขยัน มีวินัย อดทน สร้างคอนเนคชั่นอยู่กับเพื่อนในการทำงาน  เท่านั้น 

ส่วนเรื่อง ตั๋วเพื่อไทย  , นายกฯ  หลุดปากพูดในทำนองว่า "สส.ฝาก ตำแหน่งผู้กำกับใหม่" ทำให้โซเชียลจุดกระแสตั๋วเพื่อไทย ซึ่งพรรคก้าวไกลออกมาตั้งคำถามว่า เหตุใดนายกฯจึงพูดเรื่องนี้เหมือนเป็นเรื่องปกติทั้งที่การใช้เส้นสายเป็นเรื่องผิดกฎหมาย โดยมีประโยคหนึ่งที่นายกฯ พูดว่า"ผู้กำกับใหม่ ซึ่งผมมั่นใจว่าคงมีผู้ผิดหวังมากกว่าผู้สมหวังในห้องนี้ที่ขอตำแหน่งไป เพราะรู้สึกมันเยอะเหลือเกิน แต่ก็มีไม่น้อยที่ได้สมหวัง แต่ก็เป็นผู้กำกับใหม่ซึ่งเราจะต้องพูดคุยเรื่องนี้กันให้เข้าใจถึงถ่องแท้ และต้องกำจัดปัญหานี้ออกไป ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งเราเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญ"

ทำให้เป็นประเด็นทันที โดยเฉพาะในโซเชียลจุดประเด็นนี้ทันทีว่า สิ่งที่นายกฯ พูดเรื่องมี สส. เพื่อไทย ฝากผู้กำกับนั้นทำได้ด้วยเหรอ หรือนี่จะถือกำเนิดใหม่ของ ตั๋วเพื่อไทย , แต่สุดท้าย นายกฯ ก็ออกมาบอกว่า  นี่ ไม่ใช่เรื่องอะไร​ ไม่มีอำนาจและไม่เคยแทรกแซงก้าวก่ายการแต่งตั้งข้าราชการ หรือข้าราชการตำรวจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• ชวนเปิด พ.ร.บ. ตำรวจ 2565 อำนาจนายกฯ แต่งตั้งโยกย้าย ตำรวจหรือไม่

• เศรษฐา แจง​ปม #ตั๋วเพื่อไทย ยัน ไม่มีอำนาจแทรกแซงแต่งตั้ง ผู้กำกับ

• เทียบเงินดิจิทัลวอลเล็ต : เกณฑ์เดิมช่วงหาเสียง vs หลักเกณฑ์ใหม่จากปากนายกฯ