อาชีพด้านไอทีอย่างโปรแกรมเมอร์ ค่อนข้างที่จะมีความกังวลอย่างมาก ว่าจะ "ตกงาน" แล้วให้ AI เข้ามาทำงานแทนที่เห็นได้จากการเกิดขึ้นของ ChatGPT ที่ตอบคำถามได้อย่างชาญฉลาดกว่าเดิม หรือ Codey ของ Google ที่สามารถทำงานได้ดีเช่นกัน
Matt Welsh ผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพด้าน AI ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมด้วยโมเดลภาษาขนาดใหญ่หรือ LLM (Large Language Models) ที่ความสามารถในการทำงานพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว
บางบริษัทให้ความสำคัญกับการใช้ AI เป็นเครื่องมือในการทดแทนการทำงานซ้ำๆ ของมนุษย์ โดยโปรแกรมเมอร์ที่ทำงานในองค์กรเหล่านี้ มีความเสี่ยงเรื่องการตกงาน
ดังนั้น จะมีโปรแกรมเมอร์จำนวนมากที่จะถูก "แทนที่" ด้วย AI นั่นจึงเป็นเหตุผลให้คนทำงานด้านนี้ต้องพัฒนาขีดความสามารถให้หลากหลายและค้นหาองค์กรที่เห็นคุณค่าในการทำงานด้านนี้จริงๆ
นอกจากนี้ ChatGPT ไม่ได้ทำให้เวลาการเขียนโค้ดของโปรแกรมเมอร์หายไปทั้งหมด แต่ยังต้องมีโปรแกรมเมอร์คอยช่วยในการเช็คความถูกต้องในการทำงานของ ChatGPT เพราะโลกของการสื่อสารมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมาก
แม้ว่า ChaGPT จะช่วยประหยัดเวลาในการทำงานได้สูงสุด 80% แต่ก็ยังต้องใช้เวลาอีก 20% ในการเรียบเรียงโค้ดที่เขียนขึ้นมาให้นำไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำงานได้ตรงความต้องการสูงสุด
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม AI ไม่สามารถทดแทนคนได้ร้อยเปอร์เซ็นต์จริงๆ เพราะการตรวจสอบความปลอดภัยของข้อมูล หรือข้อมูลสำคัญในองค์กรบางส่วนยังต้องรักษาไว้ และการปล่อยให้โปรแกรมทำงานเองทั้งหมดก็มีความเสี่ยงในเรื่องของ "บั๊ก" ที่ไม่มีวันหายไป
แม้ว่าการที่มนุษย์พยายามสร้าง Prompt ให้ละเอียด โดยคาดหวังให้มีการได้มาซึ่งข้อมูลที่ละเอียดและชัดเจนขึ้น แต่ก็เป็นเพียงการเขียนโปรแกรมในรูปแบบที่แตกต่างกัน ไม่ว่ารูปแบบของภาษาจะเป็นตัวอักษร ภาพ คลิป ทั้งหมดนี้ก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของขั้นตอนการเขียนโปรแกรมแบบไม่ต้องใช้ไวยากรณ์หรือประโยคทางการ
สิ่งที่ยืนยันได้ดีคือ AI ไม่ใช่สิ่งที่น่ากังวลว่าจะมาแทนที่การทำงานใดๆ ของมนุษย์ ขณะเดียวกัน คนทำงานต้องพัฒนาตัวเองให้เหนือกว่าหุ่นยนต์เหล่านี้ เพราะ AI มีความสามารถในการทำงานเดิมๆ แต่ไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาของการทำงาน