อีลอน มัสก์ เปิดศึกกับ Apple ปมยกเลิกซื้อโฆษณาบน Twitter ขู่ถอดจาก App Store

 อีลอน มัสก์ ซีอีโอของ Twitter,Tesla, SpaceX กำลังเปิดศึกกับ Apple ปม Apple นำโฆษณาออกจากแพลตฟอร์ม และค่าธรรมเนียม 30% บน App Store ของแอปเปิล 

 อีลอน มัสก์ ได้ทวีตหลายข้อความ โดยกล่าวหาว่า Apple ได้ปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นโดยกำหนดให้แอปต่าง ๆ ในแอปสโตร์ต้องดำเนินการตามมาตรฐานด้านเนื้อหาของบริษัท และตั้งคำถามว่า Apple เกลียดชังการพูดอย่างเสรีในอเมริกาหรือไม่

Apple has also threatened to withhold Twitter from its App Store, but won’t tell us why

— Elon Musk (@elonmusk) November 28, 2022

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• อีลอน มัสก์ ขู่ ทวิตเตอร์ล้มละลายแน่ ถ้าพนักงานไม่กอดคอทำงานสร้างรายได้

• “Twitter” (ทวิตเตอร์) เปลี่ยนไปแค่ไหน? เมื่ออยู่ในมือของอีลอน มัสก์

• อีลอน มัสก์ เผย “Twitter” รายได้หด หลายบริษัทถอดถอน “การลงโฆษณา”

 ทั้งนี้ Apple และ Google ได้สร้างข้อกำหนดให้บริการสื่อออนไลน์ต่างๆ บน App Store มีระบบการจัดการเนื้อหารุนแรงและเป็นอันตรายที่มีประสิทธิภาพ แต่หลังจากการเข้าซื้อ Twitter ของ Elon Musk เมื่อเดือนที่แล้ว เขาได้ลดพนักงานของ Twitter กว่าครึ่ง รวมไปถึงพนักงานที่มีหน้าที่ดูแลข้อมูลเท็จ ในขณะที่พนักงานอีกจำนวนหนึ่งสมัครใจลาออกด้วยตัวเอง เขายังได้กู้บัญชีที่ถูกแบนไปเมื่อก่อนหน้านี้ 

 อีลอน มัสก์ ยังได้อ้างว่า Apple มีการเก็บภาษีลับ 30% สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ซื้อผ่านแอปสโตร์ ซึ่งนโยบายการเก็บค่าธรรมเนียมของ Apple นั้น เป็นประเด็นที่ถูกกล่าวถึงระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้เคยกลายเป็นประเด็นให้บริษัท Epic ฟ้องร้อง Apple จากการผูกขาดการค้าเมื่อปี 2021

Did you know Apple puts a secret 30% tax on everything you buy through their App Store? https://t.co/LGkPZ4EYcz

— Elon Musk (@elonmusk) November 28, 2022

 การที่มัสก์โจมตีประเด็นค่าธรรมเนียมบนแอปสโตร์นั้นมาจากการที่เขาพยายามปรับเปลี่ยนจากการต้องพึ่งพารายได้จากการโฆษณาเป็นจำนวนมากและมาพึงพารายได้จากการสมัครสมาชิกมากขึ้น โดยเมื่อปี 2021 ที่ผ่านมา Twitter มีรายได้ 5,100 ล้านเหรียญ โดยเป็นรายได้จากการโฆษณาถึง 4,500 ล้านเหรียญ

 ทั้งนี้การที่มัสก์เปิดศึกกับ Apple นั้น ดูเหมือนจะเป็นการวางหมากที่อันตราย เพราะ Twitter ยังต้องพึ่งพา Apple อยู่ เนื่องจากมีผู้ใช้ iPhone เพื่อเข้าถึงบริการของ Twitter มากกว่า 1,000 ล้านเครื่องในปัจจุบัน

ที่มา : Elon Musk