svasdssvasds

Ppalli Ppalli วัฒนธรรมทำงานเร็ว ที่สร้างชาติเกาหลีใต้ !

Ppalli Ppalli วัฒนธรรมทำงานเร็ว ที่สร้างชาติเกาหลีใต้ !

“จากประเทศที่ถูกทำลายหลังสงคราม สู่ชาติอุตสาหกรรมชั้นนำ ทำไมคนเกาหลีใต้ถึงทำงานไว จริงจังกับทุกเรื่อง และทุกวินาทีเป็นเงินเป็นทอง !

SHORT CUT

  • เกาหลีใต้ฟื้นตัวจากซากสงครามด้วยแนวคิด “เร็วเข้า เร็วเข้า” ที่ฝังรากในวัฒนธรรมมาแต่โบราณ กลายเป็นแรงขับสำคัญให้ประเทศพัฒนาอย่างรวดเร็วทั้งเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และโครงสร้างพื้นฐาน
  • ภายใต้ผู้นำอย่างพักจองฮี (Park Chung-hee) ประเทศใช้ความเร็วสร้างผลลัพธ์ระดับชาติ เช่น ทางหลวง Gyeongbu Expressway และการส่งออกที่โตแบบก้าวกระโดด พร้อมทั้งปลูกฝังนิสัย “ต้องทันเวลา” ในชีวิตประจำวันของคนทั้งชาติ
  • แม้ “ppalli ppalli” จะช่วยให้เกาหลีเป็นหนึ่งในประเทศที่ก้าวหน้าเร็วที่สุดในโลก แต่ความเร่งรีบเกินไปก็เสี่ยงต่อความผิดพลาดและความเครียดในสังคม ทำให้เกาหลีต้องเรียนรู้ที่จะผสม “ความเร็ว” เข้ากับ “ความแม่นยำและความยั่งยืน” เพื่อก้าวต่อไปอย่างมั่นคง.

“จากประเทศที่ถูกทำลายหลังสงคราม สู่ชาติอุตสาหกรรมชั้นนำ ทำไมคนเกาหลีใต้ถึงทำงานไว จริงจังกับทุกเรื่อง และทุกวินาทีเป็นเงินเป็นทอง !

เคยสงสัยไหมว่า ทำไมประเทศที่เคยถูกทำลายจากสงครามอย่าง “เกาหลีใต้” จึงสามารถพัฒนาและก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลกได้อย่างรวดเร็ว 

คำถามนี้อาจมีคำตอบมากมาย ทั้งการบริหารจัดการ เศรษฐกิจ หรือการศึกษา แต่ปัจจัยลึกที่สุดอย่างหนึ่งคือ “ความเร็ว” หรือวัฒนธรรมที่ชาวเกาหลีเรียกว่า “Ppalli Ppalli” (빨리 빨리)  ซึ่งแปลตรงตัวว่า “เร็วเข้า เร็วเข้า” ที่ฝังรากลึกอยู่ในชีวิตประจำวันของผู้คนและกลายเป็นแรงผลักสำคัญของการพัฒนาประเทศอย่างมหาศาล

ทำไมคนเกาหลีใต้ต้อง "ทำเร็ว" ไว้ก่อน

ถ้าคุณเป็น “ชาวต่างชาติ” ที่เพิ่งก้าวเท้าสู่เกาหลีใต้  นอกจากแสงสีจากตึกสูง หรือแฟชั่นบนท้องถนน  อีกสิ่งสะดุดตาที่คุณจะเห็นคือคือ “ความเร็ว” ที่อยู่ในทุกลมหายใจของผู้คนที่นี่

เพียงแค่ก้าวเข้าลิฟต์ในตึกสูง คุณอาจสะดุดตากับปุ่ม “ปิดประตู” ที่ดูสึกหรอจนเป็นรอย เพราะคนกดมันซ้ำแล้วซ้ำอีก เพียงเพื่อให้ประตูปิดเร็วขึ้นไม่กี่วินาที

ที่ป้ายรถเมล์ก็เช่นกัน คุณอาจเห็นผู้คนวิ่งกรูเข้าประตูรถที่เพิ่งเปิด ทั้งที่รถยังไม่หยุดนิ่งดี และเมื่อรถกำลังจะถึงป้ายถัดไป หลายคนก็จะลุกขึ้นยืนเตรียมพร้อมก่อนถึงจุดจอดจริงเสียอีก เหมือนทุกอย่างถูกตั้งค่าให้ “เร็ว” อยู่เสมอ

สำหรับคนต่างชาติ นี่มักเป็นหนึ่งใน “cultural shock” ที่น่าทึ่งที่สุดในเกาหลี  สังคมที่ทุกอย่างหมุนเร็วตั้งแต่ระบบขนส่งจนถึงพฤติกรรมประจำวัน การสั่งกาแฟใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาที การจัดส่งพัสดุถึงบ้านในวันถัดไป และแม้แต่การก่อสร้างอาคารใหม่ก็เกิดขึ้นด้วยความเร็วเหนือความคาดหมาย.

ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่า เหตุผลที่เกาหลีใต้สามารถพัฒนาอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีได้อย่างรวดเร็วหลังสงครามเกาหลี (1950–1953) เพราะคนเกาหลีต้องรีบฟื้นฟูชาติให้เร็วทันประเทศอื่น จึงมี “วัฒนธรรมแห่งความเร็ว” อยู่ในสายเลือด พวกเขามองว่าการทำทุกอย่างให้เร็ว ทันเวลา และมีประสิทธิภาพ คือกุญแจสำคัญที่ทำให้ประเทศเติบโตอย่างก้าวกระโดด

ผู้นำสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความเปลี่ยนแปลงนี้คือ ประธานาธิบดี พัก จอง ฮี (Park Chung-hee) ผู้บริหารประเทศระหว่างปี 1963–1979 ซึ่งเป็นยุคที่เกาหลีใต้เริ่มขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างจริงจังและรวดเร็ว

พัก จอง ฮี (Park Chung-hee)

ในปี 1964 มูลค่าการส่งออกของเกาหลีอยู่เพียง 100 ล้านดอลลาร์ แต่ภายในปี 1977 ตัวเลขนั้นเพิ่มขึ้นเป็น 10,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเร็วกว่ากำหนดถึงสามปี อีกทั้งรัฐบาลยังใช้เวลาเพียงสองปีครึ่งในการสร้างทางด่วน “คยองบู” (Gyeongbu Expressway) ที่เชื่อมกรุงโซลกับเมืองท่าปูซานทางตอนใต้ให้แล้วเสร็จในปี 1968

นอกจากนี้ ในเว็บไซส์ ศาสตราจารย์คัง จุนมัน (Kang Jun-man) จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติจอนบุก เคยเขียนบทความที่อธิบายว่า “ช่วงเวลาสำคัญที่คำว่า ‘Ppalli Ppalli’ กลายเป็นแนวทางการใช้ชีวิตของคนเกาหลีจริงๆ คือทศวรรษ 1960 เมื่อรัฐบาลทหารเริ่มผลักดันแผนพัฒนาเศรษฐกิจหลังสงครามเกาหลี”  ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของวัฒนธรรมแห่งความเร็วที่ยังคงอยู่ในสังคมเกาหลีจนถึงปัจจุบัน!

อีกหนึ่งข้อสนับสนุน คือหลักฐานที่ย้อนไปในอดีต ซง กีโฮ (Song Ki-ho) ศาสตราจารย์เกษียณด้านประวัติศาสตร์เกาหลีจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล เคยอธิยาบว่า  “นิสัยรักความเร็ว” ของคนเกาหลีมีรากมานานหลายศตวรรษ โดยสามารถย้อนกลับไปได้ถึงช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 15 ตามบันทึกในเอกสารราชการโบราณ The Veritable Records of King Sejong

King Sejong

 

ในบันทึกนั้น พระเจ้าเซจงมหาราชทรงกล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า

“ประชาชนของเราชอบทำงานให้เร็ว แต่กลับไม่ค่อยรอบคอบ ถ้าอย่างนั้นจะทำกระเบื้องหลังคาให้ได้รูปทรงที่พอดี เพื่อป้องกันไม่ให้ฝนรั่วเข้ามาได้อย่างไร?”

ข้อเสียของการทำงานเร็ว 

แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความเร็วที่เคยเป็นพลังขับเคลื่อนกลับเริ่มกลายเป็นแรงกดดันที่กัดกร่อนชีวิตประจำวันของผู้คน ความเร่งรีบทำให้สังคมเต็มไปด้วยการแข่งขันและความเครียด ไม่ว่าจะเป็นการทำงานที่ต้องเสร็จทันกำหนด การเรียนที่ต้องทันเพื่อน หรือแม้แต่การเดินทางที่ต้องถึงก่อนเวลา ทุกอย่างหมุนด้วยจังหวะที่เร็วเกินกว่าที่ใจจะตามทัน ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า “วัฒนธรรมความเร็ว” นี้อาจทำให้คนเกาหลีรู้สึกเหนื่อยล้าและขาดสมดุลระหว่างชีวิตกับงานมากขึ้นเรื่อยๆ

ที่น่ากังวลยิ่งกว่านั้นคือ เมื่อ “เร็ว” กลายเป็นเป้าหมายจนลืม “ความรอบคอบ” ตัวอย่างเช่น เหตุการณ์ห้างสรรพสินค้า Sampoong Department Store พังถล่มกลางกรุงโซลในปี 1995 ซึ่งมีผู้เสียชีวิตกว่า 500 คน ก็ถูกมองว่าเป็นผลจากการเร่งก่อสร้างให้ทันเวลาโดยละเลยความปลอดภัย ที่ทิ้งรอยแผลให้เกาหลีใต้มาจนถึงทุกวันนี้ 

PHOTO 서울특별시 난본부

ยิ่งไปกว่านั้น นักจิตวิทยาและผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตหลายคนเตือนว่า ความเร็วที่กลายเป็น “มาตรฐานของชีวิต” ในเกาหลีใต้ กำลังส่งผลกระทบต่อจิตใจของคนเกาหลีใต้อย่างรุนแรง 

เพื่อคลี่คลายปัญหานี้ สังคมเกาหลีเริ่มหันกลับมามองชีวิตในมุมระยะยาวมากขึ้น เพราะ “เร็วขึ้น” ไม่ได้หมายความว่า “มีประสิทธิภาพมากขึ้น” เสมอไป การปรับจังหวะชีวิตให้ช้าลง และให้ความสำคัญกับ “ความสุข” และ “ความพึงพอใจในชีวิต” ของผู้คนมากกว่าเดิม อาจเป็นหนทางสู่ความสมดุลที่ยั่งยืนกว่าในอนาคต

ที่มา : koreaherald

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

Gen Z ใช้เวลานอกบ้านน้อยกว่า Gen X เลือกเสพ "ธรรมชาติ" ผ่านหน้าจอ 

หมดยุค Work Life Balance ผู้นำยุคใหม่ไม่เชื่อ ต้องทุ่มเททำงาน 

Gen Z กล้าพูดเรื่องเงินเดือนในที่ทำงาน เพื่อความโปร่งใสในองค์กร

 

related